มีทหารยูเครนสูงสุด 1,000 นายที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ในแต่ละวันของการสู้รบในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยที่ค่าเฉลี่ยเสียชีวิตอยู่ที่ราวๆ 200 ถึง 500 นายต่อวัน ส่วนที่เหลือเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครนเมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) พร้อมคร่ำครวญต่อความเคลื่อนไหวอันล่าช้าของตะวันตกในมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันมอสโก
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เคยระบุเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ว่า มีทหารยูเครนราว 60 ถึง 100 นายเสียชีวิตในแต่ละวัน ท่ามกลางการยกระดับการโจมตีภูมิภาคดอนบาสของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทาง เดวิด อราคาเมีย ผู้แทนของยูเครนในการเจรจากับรัสเซียและหนึ่งในที่ปรึกษาใกล้ชิดที่สุดของเซเลนสกี ยอมรับว่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขความสูญเสียเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
อราคาเมีย เผยว่า ยูเครนเกณฑ์กองกำลังพลเข้าสู่กองทัพแล้ว 1 ล้านคน และมีขีดความสามารถในการเกณฑ์กำลังพลเพิ่มเติมอีก 2 ล้านคน ดังนั้นจึงมีกำลังพลมากพอที่จะเดินหน้าสู้ต่อในภูมิภาคดอนบาส ดินแดนที่รัสเซียกำลังรุกคืบยึดครองเขตแดนอย่างช้าๆ
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับอัตราความสูญเสียของกองกำลังยูเครน พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมสหรัฐฯ ตอบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะประเมิน แต่บอกว่ารายงานข่าวของสื่อมวลชนก่อนหน้านี้เกี่ยวกับตัวเลขผู้เสียชีวิตราว 100 นาย และบาดเจ็บสูงสุด 300 คนในแต่ละวัน "อยู่ในการประเมินคร่าวๆ ของเรา" อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดถึงการประเมินล่าสุดของยูเครน
กระนั้นก็ดี พล.อ.มิลลีย์ ชี้ว่าฝ่ายรัสเซียก็ประสบความสูญเสียใหญ่หลวงเช่นกัน และบอกว่ายูเครนกำลังสู้รบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อราคาเมีย ชี้ว่ายูเครนจำเป็นต้องมีอาวุธและกระสุนที่ทัดเทียมกับรัสเซีย ในหนึ่งในสมรภูมิรบใหญ่ที่สุดของยุคศตวรรษที่ 21 โดยบอกว่า "เราฝึกฝนกำลังพลเพื่อโจมตี เพื่อโจมตีตอบโต้ แต่เราจำเป็นต้องมีอาวุธสำหรับสิ่งเหล่านี้ด้วย" เขากล่าว
"สถานะบนโต๊ะเจรจาของเราอยูในจุดที่อ่อนแออย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงไม่ต้องการนั่งบนโต๊ะเจรจา หากว่าเราอยู่ในสถานะนี้ เราจำเป็นต้องพลิกกลับสถานกาณ์ในทางใดทางหนึ่ง" อราคาเมียระบุ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ เพื่อทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไป
อราคาเมีย นำคณะผู้แทนของยูเครนเดินทางเยือนวอชิงตันในสัปดาห์นี้ เพื่อล็อบบี้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และสภาคองเกรสให้ยกระดับความรวดเร็วในการส่งมอบอาวุธ และขึ้นบัญชีดำรัสเซียในฐานะรัฐผู้สนับสนุนก่อการร้าย หัวข้อที่เขาเผยว่ามีแผนหยิบยกหารือกับ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีไบเดน พูดคุยทางโทรศัพท์กับเซเลนสกี เมื่อวันพุธ (15 มิ.ย.) แจ้งข่าวเขาเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรมเพิ่มเติม จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว ทั้งนี้ อาวุธมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะมอบให้แก่ยูเครนนั้นมีทั้งจรวดและกระสุนปืนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ระหว่างการประชุมโต๊ะกลมที่กองทุนเยอรมัน มาร์แชลล์ ทาง อราคาเมีย และสมาชิกคนอื่นๆ ของคณะผู้แทนยูเครน เน้นย้ำว่าแม้ ไบเดน ได้ลงนามในแพกเกจช่วยเหลือยูเครน มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤษภาคม การเปลี่ยนงบประมาณดังกล่าวเป็นการส่งมอบอาวุธอย่างแท้จริง ยังเป็นไปในลักษณะทีละน้อยๆ
นอกจากนี้ อราคาเมีย ยังเผยด้วยว่า พันธมิตรของยูเครน โดยเฉพาะในยุโรปกำลังเบี่ยงความสนใจไปที่การเติมเต็มคลังแสงของตนเอง แทนที่จะมอบอาวุธแก่ยูเครน ในนั้นรวมถึงรัฐบาลเยอรมนี ที่ยังคงลังเลอนุมัติใบอนุญาตส่งออกอาวุธไปยังยูเครน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะสืบเนื่องจากความหวั่นเกรงต่อรัสเซีย
อราคาเมีย บอกด้วยว่า รัสเซียกำลังใช้เพื่อนบ้านอย่างจอร์เจีย ในการหลบหลีกมาตรการคว่ำบาตร อย่างไรก็ตาม จอร์เจียปฏิเสธคำกล่าวหานี้
ผู้แทนเจรจาของยูเครนรายนี้บอกว่า รัสเซีย รอดพ้นจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูง แต่จะรู้สึกถึงผลกระทบแบบเต็มเหนี่ยวในช่วง 3 หรือ 4 ปีข้างหน้า ทว่า "คำถามก็คือ เรา (ยูเครน) จะยังอยู่ได้เห็นในอีก 3 หรือ 4 ปีข้างหน้าหรือเปล่า"
(ที่มา : เว็บไซต์ข่าวสหรัฐฯ axios)