ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ยืนยัน กำลังพิจารณาเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย ท่ามกลางราคาน้ำมันในประเทศที่พุ่งสูงทุบสถิติตลอลกาลรอบแล้วรอบเล่า ถือเป็นการกลับลำโดยสิ้นเชิง หลังจากก่อนหน้านี้เขาเคยเรียกประเทศแห่งนี้ว่า ถูกสร้างให้เป็นรัฐนอกคอก (pariah state)
ก่อนหน้านี้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สและสื่อมวลชนอื่นๆ ของสหรัฐฯ อ้างแหล่งข่าวหลายคน รายงานว่า ไบเดน จะเดินหน้าแผนที่มีข่าวลือมาช้านานว่าเขาจะแวะเยือนซาอุดีอาระเบีย ระหว่างโปรแกรมเดินทางเยือนต่างประเทศที่กำลังมาถึง
รายงานข่าวเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าว มีขึ้นไม่นานหลังจาก ซาอุดีอาระเบีย จัดการประเด็นสำคัญของไบเดน 2 ประเด็น ได้แก่ตกลงปรับเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ซึ่งช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานในสหรัฐฯ และช่วยขยายกรอบข้อตกลงหยุดยิงในเยเมน ประเทศที่ถูกสงครามฉีกขาดเป็นชิ้นๆ
"ผมยังไม่มั่นใจว่าผมจะเดินทางไปหรือไม่" ไบเดนตอบ หลังถูกผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับการเดินทางเยือนที่กำลังมาถึง "มันมีความเป็นไปได้ที่ผมจะไปพบปะกับทั้งอิสราเอลและบรรดาประเทศอาหรับบางชาติในเวลานั้น ซาอุดีอาระเบียจะอยู่ในนั้นด้วยถ้าผมเดินทางไป แต่ ณ เวลานี้ผมยังไม่มีแผนที่ชัดเจน"
ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ไบเดน จะเข้าเฝ้าฯ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ กล่าวหาว่าเป็นผู้บงการฆ่าหั่นศพ จามาล คาล็อกกี สื่อมวลชนฝ่ายเห็นต่างในปี 2018
รายงานข่าวระบุว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้น่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ ไบเดน เดินทางไปร่วมประชุมซัมมิตนาโต้ในสเปน และประชุมจี 7 ในเยอรมนี ในช่วงปลายเดือนนี้
ในช่วงต้นๆ ของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของไบเดน ทำเนียบขาวเผยว่า ไบเดน จะติดต่อกับกษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ เท่านั้น ในท่าทีปฏิเสธมกุฎราชกุมาร ซึ่งควบคุมเกือบทุกเสาหลักแห่งอำนาจในซาอุดีอาระเบีย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้น ไบเดน ดูอ่อนข้อยอมพบปะกับ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในขณะที่ราคาเบนซินในสหรัฐฯ ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายต่อหลายรอบระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งนี้คาดหมายว่า ไบเดน จะเดินทางเยือนอิสราเอลเช่นกัน และแน่นอนว่าในทั้ง 2 ประเทศ ผู้นำสหรัฐฯ คงต้องเจอกับคำถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการทูตของอเมริกากับอิหร่าน ชาติที่เป็นคู่อริกับทั้งซาอุดีอาระเบียและอิสราเอล
ระหว่างลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี เคยเรียกร้องให้ปฏิบัติกับบรรดาผู้นำซาอุดีอาระเบีย ในฐานะ "พวกนอกคอกอย่างที่พวกเขาเป็น" หลังจากประเทศอนุรักษนิยมสุดขั้วแห่งนี้มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธบดี ณ ขณะนั้น
ทรัมป์ ให้การปกป้อง ซาอุดีอาระเบีย เป็นส่วนใหญ่ จากผลที่ตามมาของเหตุสังหารคาล็อกกี คอลัมนิสต์พลเรือนสหรัฐฯ ที่มักเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ โดยเขาถูกล่อลวงเข้าไปยังสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูล ก่อนถูดรัดคอแล้วฆ่าหั่นศพ
ขณะเดียวกันมีข่าวว่า จาเรด คูชเนอร์ ลููกเขยและที่ปรึกษาระดับสูงของทรัมป์ ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด
(ที่มา : เอเอฟพี/บลูมเบิร์ก)