ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ตกลงมอบระบบจรวดล้ำสมัยแก่ยูเครน ซึ่งมีศักยภาพโจมตีเป้าหมายรัสเซียที่อยู่ในระยะไกลได้อย่างแม่นยำ ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 700 ล้านดอลลาร์ ที่คาดหมายว่าจะมีการเปิดตัวในวันพุธ (1 มิ.ย.)
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอเมริกา เปิดเผยว่าสหรัฐฯ กำลังมอบระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่สูง ซึ่งสามารถโจมตีอย่างแม่นยำ ถล่มเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ห่างออกไปไกลสุด 80 กิโลเมตร หลังจากยูเครนรับประกันว่าพวกเขาจะไม่ใช้จรวดเหล่านี้โจมตีภายในรัสเซีย
ในบทความหนึ่งของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (31 พ.ค.) ไบเดนระบุว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียจะจบลงผ่านการเจรจา แต่สหรัฐฯ จำเป็นต้องมอบอาวุธและกระสุนแก่ยูเครน เพื่อคานอำนาจการต่อรองสูงสุดบนโต๊ะเจรจา
"นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงตัดสินใจมอบกระสุนและระบบจรวดล้ำสมัยยิ่งขึ้นแก่ยูเครน ซึ่งจะสามารถช่วยให้พวกเขาโจมตีเป้าหมายหลักต่างๆ ในสมรภูมิรบในยูเครนได้แม่นยำยิ่งขึ้น" ไบเดนเขียน
แพกเกจนี้ยังรวมไปถึงกระสุน เรดาร์ตอบโต้ เรดาร์เฝ้าระวังทางอากาศ และมอบขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลินเพิ่มเติม เช่นเดียวกับอาวุธต่อต้านยานเกราะ เจ้าหน้าที่ระบุ
เจ้าหน้าที่ยูเครนร้องขอบรรดาชาติพันธมิตร สำหรับระบบขีปนาวุธพิสัยไกลกว่าเดิม ที่สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ในความหวังเปลี่ยนกระแสสงครามที่ยืดเยื้อมานาน 3 เดือน
บทความนี้ถูกเผยแพร่ออกมา หลังจาก ไบเดน เพิ่งบอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (31 พ.ค.) ว่า "เราจะไม่ส่งระบบจรวดที่สามารถโจมตีได้ไกลถึงรัสเซียให้ยูเครน"
เขาไม่ได้พูดอย่างเจาะจงถึงระบบอาวุธดังกล่าว แต่ดูเหมือนเป็นการวางเงื่อนไขการใช้ล่วงหน้า ไบเดนบอกว่าเขาต้องการช่วยยูเครนปกป้องตนเอง แต่ไม่เห็นด้วยกับการมอบอาวุธที่ยูเครนอาจนำไปใช้ในการโจมตีรัสเซีย
มีประชาชนเสียชีวิตแล้วหลายพันคนและอีกหลายล้านคนต้องโยกย้ายถิ่นฐาน นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งมอสโกเรียกว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารเพื่อกำจัดนาซีในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทางยูเครนและตะวันตก ระบุว่ามันเป็นข้ออ้างไร้สาระสำหรับทำสงครามเพื่อยึดครองดินแดน
ตะวันตกมีความตั้งใจมากขึ้นในการจัดหาอาวุธพิสัยไกลแก่ยูเครน ในนั้นรวมถึงปืนครกฮาวอิตเซอร์ M777 ในขณะที่การสู้รบกับรัสเซียของกองกำลังยูเครน ประสบความสำเร็จมากกว่าที่บรรดาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองตะวันตกคาดคะเนไว้
อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ เตือนว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากความไม่สอดคล้องกันระหว่างความทะเยอทะยานของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กับศักยภาพของกองทัพของเขา
(ที่มา : รอยเตอร์)