รัสเซียยิงจรวดถล่มโรงงานถลุงเหล็กมาริอูโปลอีกรอบ พร้อมโจมตีหลายจุดทั่วยูเครน

รัสเซียในวันอังคาร (3 พ.ค.) ยิงจรวดถล่มโรงงานถลุงเหล็กที่ถูกปิดล้อมในเมืองมาริอูโปล ป้อมปราการสุดท้ายของยูเครนในเมืองท่าแห่งนี้ หลังจากข้อตกลงหยุดยิงพังครืนลง และยังคงมีพลเรือนติดอยู่ใต้สถานที่ตั้งอันกว้างขวางดังกล่าว แม้มีความพยายามอพยพผู้คนภายใต้การนำของสหประชาชาติ

อย่างไรก็ตาม มีผู้ลี้ภัยหลายคนสามารถหลบหนีออกมาภายใต้การดูแลของสหประชาชาติและคณะกรรมการกาชาดสากล หลังต้องหมอบคลานอยู่ภายใต้โรงงานอาซอฟสตัลนานหลายสัปดาห์ และท้ายที่สุดก็เดินทางไปยังเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครนและค่อนข้างปลอดภัย

"ที่จริงเราหวังว่าจะมีคนมากกว่านี้ที่สามารถร่วมขบวนกับเราออกจากขุมนรก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีความรู้สึกผสมปนเป" เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการกาชาดสากลบอกกับผู้สื่อข่าวผ่านซูม

รัสเซียหันมาโจมตีอย่างหนักถล่มพื้นที่ทางตะวันออกและภายใต้ของยูเครน นับตั้งแต่ล้มเหลวในการยึดเมืองหลวงในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเล็งเป้าหมายโจมตีทางตะวันตกที่อยู่ไกลออกไปเช่นกัน ในเป้าหมายตัดขาดยูเครนจากการเข้าถึงทะเลดำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งออกธัญพืชและเหล็ก รวมถึงตัดเส้นทางลำเลียงยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ตะวันตกมอบความช่วยเหลือแก่กองกำลังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี

ในวันอังคาร (3 พ.ค.) กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองกำลังของพวกเขายิงขีปนาวุธโจมตีสนามบินทหารแห่งหนึ่งใกล้เมืองท่าโอเดซา ทำลายโดรน ขีปนาวุธและเสบียงกระสุนที่สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปมอบแก่ยูเครน

อันดรีย์ ซาโดวีย์ นายกเทศมนตรีลวิว เมืองทางตะวันตกใกล้ชายแดนโปแลนด์ เปิดเผยในช่วงค่ำวันอังคาร (3 พ.ค.) ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซีย ก่อความเสียหายแก่สถานีไฟฟ้า ทำให้บางพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้

สงครามที่ยืดเยื้อมาเกือบ 10 สัปดาห์ ได้เข่นฆ่าชีวิตไปแล้วหลายพันราย ทำลายล้างเมืองหลายแห่งและผลักประชาชนชาวยูเครนมากกว่า 5 ล้านคน อพยพหลบหนีไปยังต่างแดน ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เพิ่มเดิมพันทางเศรษฐกิจกับบรรดาผู้สนับสนุนตะวันตกของเคียฟในวันอังคาร (3 พ.ค.) ด้วยการห้ามส่งออกวัตถุดิบสำคัญของรัสเซีย

สหภาพยุโรปเผยว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่จะเล็งเป้าเล่นงานอุตสาหกรรมน้ำมันและภาคธนาคารของมอสโก และมีแผนทดแทนการใช้ก๊าซของรัสเซีย 2 ใน 3 ภายในสิ้นปี 2022 ส่วนหนึ่งในความพยายามทุบเงินทุนทำสงครามของมอสโก

สภาคองเกรสกำลังพิจารณาแพกเกจช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมอีก 33,000 ล้านดอลลาร์ และบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แถลงมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 300 ล้านปอนด์ (ราว 375 ล้านดอลลาร์) ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเรดาร์

ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เรียกร้อง ปูติน ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์ในวันอังคาร (3 พ.ค.) ให้หยุดยิงในยูเครนในทันที และยกเลิกการปิดล้อมการส่งออกของยูเครนผ่านทะเลดำ ในขณะที่ ปูติน บอกว่ารัสเซียยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจา

เซเลนสกี ประมาณการเบื้องต้นว่าความเสียหายจากสงครามในยูเครน จนถึงตอนนี้อยู่ที่ราวๆ 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอลิงก์กับวอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า "ผู้รุกรานจำเป็นต้องถูกโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ โดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง และมันจะช่วยยูเครนสู้เพื่อปกป้องสิทธิของเรา"

โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่า นโยบายต่างๆ ของปูตินนั้นเป็นจักรวรรดินิยม และเขาจะสนับสนุนฟินแลนด์และสวีเดน หากพวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าร่วมนาโต้ โดยเวลานี้ทั้งสองชาติอยู่ระหว่างการพิจารณา

ก่อนหน้านี้ โชลซ์ ถูกกล่าวหาว่ามีท่าทีอ่อนนิ่มเกินไปกับมอสโก แต่เวลานี้เขาแสดงจุดยืนแข็งกร้าวขึ้น สนับสนุนแผนของอียูสำหรับกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม จากการเปิดเผยของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ พบว่า บรรดาประเทศสมาชิกอียูจ่ายเงินค่าก๊าซและน้ำมันแก่รัสเซีย ไปแล้วมากกว่า 47,000 ยูโร (ราว 47,430 ดอลลาร์) นับตั้งแต่มอสโกรุกรานยูเครน

ออสนัท ลูบรานิ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติสำหรับยูเครน เผยว่ามีผู้อพยพจากมาริอูโปล 101 คน เดินทางถึงซาโปริซเซียในวันอังคาร (3 พ.ค.)

มาริอูโปล เมืองที่มีประชากร 400,000 คน ก่อนรัสเซียเปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กลายเป็นจุดที่มีการสู้รบนองเลือดที่สุดของสงคราม ถูกปิดล้อมและยิงระเบิดโจมตีต่อเนื่องหลายสัปดาห์ และมีพลเรือนราว 100,000 คน ที่ยังคงอยู่ในเมืองที่เหลือแต่ซากหักพังแห่งนี้

ร้อยเอกสเวียโตสลาฟ พาลามาร์ จากกองกำลังอาซอฟของยูเครน เปิดเผยผ่านวิดีโอเทเลแกรมจากโรงงานถลุงเหล็ก ว่า รัสเซียเล่นงานโรงงานอาซอฟสตัล ด้วยกองทัพเรือและระดมยิงปืนใหญ่ถล่มตลอดทั้งคืน รวมถึงใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่โจมตี

รอยเตอร์ไม่ยืนยันคำกล่าวอ้างของเขา อย่างไรก็ตาม ภาพข่าวของรอยเตอร์ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (2 พ.ค.) เป็นภาพจรวดหลายลูกถูกยิงจากแท่นยิงที่ติดตั้งบนรถบรรทุก และกำลังพุ่งเข้าหาโรงงานอาซอฟสตัล

รัสเซียเรียกความเคลื่อนไหวของพวกเขาว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษเพื่อปลดอาวุธยูเครนและกำจัดนาซี แต่ทางยูเครนและตะวันตกตอบโต้ว่าข้อกล่าวหานาซีนั้นไร้สาระ และบอกว่าสงครามนี้เป็นการรุกรานโดยปราศจากการยั่วยุใดๆ

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน และบาดเจ็บ 15 ราย จากเหตุรัสเซียยิงระเบิดใส่โรงผลิตถ่านโค้กแห่งหนึ่งในเมืองอัฟดีฟกา ในแคว้นโดเนสตก์ ทางตะวันออกของยูเครนในวันอังคาร (3 พ.ค.) จากการเปิดเผยของผู้ว่าการแคว้น ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนบอกก่อนหน้านี้ว่าพื้นที่อื่นๆ ของโดเนสตก์ก็ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

(ที่มา : รอยเตอร์)