รัสเซียถล่มสนามบินทหารใกล้เมืองโอเดสซา ระบุสามารถทำลายโดรน ขีปนาวุธ และกระสุนที่อเมริกาและยุโรปส่งให้ยูเครน ขณะที่ทูตอเมริกันเตือนมอสโกมีแผนทำประชามติเพื่อผนวกสองแคว้นกบฏทางตะวันออกของยูเครนภายในกลางเดือนนี้ แบบเดียวกับที่เคยทำกับแหลมไครเมียเมื่อ 8 ปีก่อน ด้านอียูเตรียมประกาศมาตรการแซงก์ชันรอบใหม่ที่ได้รับการคาดหมายว่า อาจรวมถึงการห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซีย
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคาร (3 พ.ค.) ว่า ได้ยิงขีปนาวุธโอนิกซ์ที่มีความแม่นยำสูงโจมตีศูนย์โลจิสติกส์ในสนามบินทหารในเขตโอเดสซา ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน สามารถทำลายโดรน ขีปนาวุธ และกระสุนที่ตะวันตกส่งไปให้และจัดเก็บไว้ในศูนย์ดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ขีปนาวุธและปืนใหญ่ของรัสเซียยังโจมตีเป้าหมายทางทหารหลายแห่งทั่วยูเครน รวมถึงศูนย์บัญชาการ คลังแสง และระบบขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน รุ่นเอส-300
นอกจากนี้ กองกำลังรัสเซียยังยิงจรวดถล่มโรงงานเหล็กอาซอฟสตัลที่ยังคงถูกปิดล้อมและเป็นที่มั่นสุดท้ายของนักรบเดนตายยูเครนในเมืองมาริอูโปล
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากทั้งสองฝ่ายตกลงหยุดยิงรอบโรงงานแห่งนั้น โดยมีสหประชาชาติ และคณะกรรมการกาชาดสากล เป็นผู้ประสานงาน เป็นการเปิดทางในการอพยพพลเรือนออกมาจากโรงงานดังกล่าว โดยที่ข่าวบอกว่าเวลานี้ยังคงเหลือพลเรือนหลบภัยอยู่ที่นั่นราว 200 คน และนับทั่วเมืองมาริอูโปล ก็มีราว 100,000 คน
ทั้งนี้ มาริอูโปลเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับรัสเซียซึ่งกำลังพยายามตัดยูเครนออกจากทะเลดำ และเชื่อมต่อดินแดนทางภาคใต้และทางภาคตะวันออกของยูเครนที่แดนหมีขาวยึดครองไว้
ทางด้าน ไมเคิล คาร์เพนเตอร์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (โอเอสซีอี) กล่าวหาเมื่อวันจันทร์ (2) ว่า รัสเซียมีแผนจัดทำประชามติเพื่อผนวกลูกันสก์และโดเนตสก์ในเขตดอนบาสทางตะวันออกของยูเครนภายในกลางเดือนนี้ รวมทั้งกำลังพิจารณาดำเนินการแบบเดียวกันในเขตเคอร์ซอนที่ขณะนี้กองกำลังมอสโกยึดได้แล้ว และบังคับให้ประชาชนใช้สกุลเงินรูเบิล ทั้งนี้คาร์เพนเตอร์ อ้างว่า ข้อมูลนี้มีความน่าเชื่อถือสูง
ทั้งนี้ ลูกันสก์และโดเนตสก์ประกาศแยกตัวจากยูเครนตั้งแต่ปี 2014
อย่างไรก็ดี คาร์เพนเตอร์สำทับว่า นานาชาติจะไม่สนับสนุนการดำเนินการของรัสเซียเพื่อเปลี่ยนแปลงพรมแดนของยูเครน เช่นเดียวกับตอนที่รัสเซียเข้าผนวกไครเมียเมื่อปี 2014
สำหรับสถานการณ์การสู้รบ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียกำลังพยายามปิดล้อมกองกำลังขนาดใหญ่ของยูเครนในพื้นที่ภาคตะวันออก ด้วยการโจมตีพร้อมกัน 3 ทิศทางและทิ้งระเบิดถล่ม
ทางด้านพันธมิตรตะวันตกตอบโต้ด้วยการส่งอาวุธหนักเพิ่มให้แก่ยูเครน ขณะเดียวกัน มีการคาดหมายว่า ในวันอังคาร (3) คณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์การบริหารของอียู จะประกาศมาตรการแซงก์ชันรัสเซียชุดที่ 6 ซึ่งอาจรวมถึงการคว่ำบาตรห้ามการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งนี้หลังจากเยอรมนีกลับลำครั้งสำคัญโดยระบุว่า พร้อมให้การสนับสนุนมาตรการนี้ในทันที
กระนั้น เจ้าหน้าที่สองคนของสหภาพยุโรป เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า คณะกรรมาธิการยุโรปอาจยกเว้นให้ฮังการีและสโลวะเกียซึ่งพึ่งพิงน้ำมันดิบจากรัสเซียอย่างมาก
จากข้อมูลของศูนย์เพื่อการวิจัยว่าด้วยพลังงานและอากาศสะอาดระบุว่า ประเทศต่างๆ ในอียูยังคงซื้อก๊าซและน้ำมันจากรัสเซีย รวมเป็นมูลค่ากว่า 47,430 ล้านดอลลาร์นับจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
นอกจากนั้น เอกอัครราชทูตจากประเทศสมาชิกอียูจะหารือเกี่ยวกับมาตรการแซงก์ชันที่มีการนำเสนอล่าสุดในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันพุธ (4)
ขณะเดียวกัน พระสันตะปาปาฟรานซิสให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คอร์เรียร์ เดลลา เซราของอิตาลีฉบับวันอังคารว่า ต้องการพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินในมอสโก เพื่อขอให้ยุติสงคราม ทว่า ยังไม่ได้รับคำตอบจากเครมลิน
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)