ยูเครนในวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) อ้างว่าพบร่างไร้วิญญาณมากกว่า 1,200 ศพในแคว้นเคียฟ พื้นที่ซึ่งมีการกล่าวหาว่ามีการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนระหว่างรัสเซียยึดครองเมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่พวกชาวบ้านทางภาคตะวันออกของประเทศ ทั้งเตรียมพร้อมและบางส่วนหลบหนี ก่อนคาดหมายว่ากองกำลังมอสโกจะเปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่
ยูเครนถูกโจมตีด้วยระเบิดและทิ้งบอมบ์ถล่มทางอากาศอย่างหนักตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมอีกจำนวนมาก จากปฏิบัติการรุกรานของรัสเซีย ที่ล่วงเลยมากว่า 6 สัปดาห์แล้ว
กระสุนปืนใหญ่คร่าชีวิตชาวบ้าน 2 คน ในคาร์คิฟ ทางภาคตะวันอกเฉียงเหนือ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน ในตอนเช้าวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) จากการเปิดเผยของผู้ว่าการ โอเล็ก ซิเนกูบอฟ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากมีพลเรือน 10 ราย ในนั้นมีเด็ก 1 คน เสียชีวิตในเหตุทิ้งระเบิดโจมตีบริเวณพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองแห่งนี้
"ทหารรัสเซียเดินหน้าทำสงครามกับพลเรือน เนื่องจากพวกเขาไร้ชัยชนะในแนวหน้า" ซิเนกูบอฟ กล่าว
ในดริโปร เมืองอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งมีผู้พักอาศัยมากกว่า 1 ล้านคน ห่าฝนขีปนาวุธของรัสเซียเกือบทำลายสนามบินท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บไม่ทราบจำนวน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หลังจากสนามบินแห่งนี้เคยถูกโจมตีมาแล้วเมื่อวันที่ 15 มีนาคม
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เป็นอีกครั้งที่ประณามความโหดร้ายป่าเถื่อนกับพลเรือน และเขาเปิดเผยหลังจากพูดคุยกับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ว่า พวกเขาเห็นพ้องต้องกัน "ต้องระบุตัวพวกผู้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาอาชญากรสงครามทุกคนและลงโทษคนเหล่านี้"
ไอรีนา เวเนดิคโตวา อัยการสูงสุดของยูเครน บอกว่าประเทศของเธอกำลังสืบสวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียที่เชื่อว่าเป็นผู้กระทำผิด 500 คน ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สำหรับความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามหลายพันข้อกล่าวหา
ด้าน เจค ซุลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว สัญญาว่าสหรัฐฯ จะทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติ เพื่อความแน่ใจว่าจะมีผู้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "การกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนหมู่"
ที่สำนักวาติกัน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เรียกร้อขอให้หยุดยิงช่วงอีสเตอร์ เพื่อเปิดทางให้สันติภาพ พร้อมประณามสงครามที่พลเรือนไร้หนทางป้องกันตัว ต้องมาประสบกับการสังหารหมู่อย่างชั่วร้ายและความโหดร้ายทารุณ
ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเช่นกันในทางตะวันออกของยูเครน ดินแดนที่มีการขีปนาวุธลูกหนึ่งใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สค์ เมื่อวันศุกร์ (8 เม.ย.) และล่าสุด บาฟโล คีรีเลนโก ผู้ว่าการแคว้นโดเนตส์ก ปรับเพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเป็น 57 คน
เซเลนสกี เผยว่า พวกชาวบ้านทางภาคตะวันออกกำลังหลบหนีออกนอกพื้นที่แล้วหลายหมื่นคน ในขณะที่ยูเครนเตรียมพร้อมทำศึกครั้งสำคัญกับกองกำลังรัสเซีย
"เราเห็นการเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบครั้งสำคัญ บางคนบอกว่าเป็นการสู้รบชี้ขาดในภาคตะวันออก" เขากล่าวเมื่อวันเสาร์ (9 เม.ย.) ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ คาร์ล เนแฮมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ที่เดินทางมาเยือน "เราพร้อมสู้ และจะใช้แนวทางคู่ขนานยุติสงครามนี้ผ่านการเจรจา"
ในการริเริ่มทางการทูตด้วยตนเอง เนแฮมเมอร์ เผยว่า เขาจะพบปะกับ ปูติน ในวันจันทร์ (11 เม.ย.) ในความเคลื่อนไหวที่โฆษกของเขายืนกรานว่าเป็นการประสานงานร่วมกับ "เบอร์ลิน บรัสเซลส์ และเซเลนสกี" ทั้งนี้ ออสเตรีย เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้
เนแฮมเมอร์ จะเป็นผู้นำยุโรปคนแรกที่เดินทางเยือนเครมลิน นับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
สหประชาชาติระบุในวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) ว่าจนถึงตอนนี้มีพลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้ว 4,232 ราย แบ่งเป็นเสียชีวิต 1,793 คน และบาดเจ็บ 2,439 คน
แต่ เวเนดิคโตวา อัยการสูงสุดของยูเครน ระบุว่าแค่ในภูมิภาครอบๆ กรุงเคียฟเพียงแห่งเดียว จนถึงตอนนี้พบร่างไร้วิญญาณ 1,222 ศพ
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีระบุว่า พบเห็นศพอย่างน้อย 2 ศพ ภายในท่อระบายน้ำที่สถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง บนถนนหลวงสายหนึ่งนอกกรุงเคียฟในวันอาทิตย์ (10 เม.ย.) ทั้ง 2 ศพ สวมชุดผสมผสานกันระหว่างชุดพลเรือนกับชุดทหาร
ผู้หญิงที่กระวนกระวายใจคนหนึ่งรุดเข้าไปดูท่อระบายน้ำดังกล่าว ก่อนปล่อยโฮออกมา ตะกุยพื้นดินและส่งเสียงคร่ำครวญว่า "ลูกของฉัน ลูกของฉัน"
(ที่มา : เอเอฟพี)
