รอยเตอร์ - รัสเซียยื่นคำขาดอีกครั้งให้นักรบยูเครนในมาริอูโปลยอมจำนน ขณะที่เดินหน้าเต็มพิกัดเพื่อเอาชนะในการบุกครั้งใหม่ทางภาคตะวันออกใน “ศึกดอนบาส” ด้านพันธมิตรตะวันตกรับปากให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่เคียฟ
ทหารรัสเซียนับพันนายที่มีหน่วยปืนใหญ่และจรวดยิงคุ้มกัน รุกคืบในปฏิบัติการสงครามเฟส 2 ในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนที่เจ้าหน้าที่เคียฟระบุว่าเป็น “ศึกดอนบาส”
ยูเครนเผยว่า การโจมตีครั้งใหม่ทำให้รัสเซียเข้ายึด "เครมินนา" ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นศูนย์ราชการในเมืองลูฮันสก์ หนึ่งในสองจังหวัดในเขตดอนบาส
แม้รัสเซียยังไม่สามารถยึดเมืองใหญ่ได้หลังเปิดฉากบุกมาเกือบ 8 สัปดาห์ แต่การโจมตีชาติยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับจากปี 1945 ทำให้ประชาชนเกือบ 5 ล้านคนหนีออกจากยูเครน และหลายเมืองเหลือเพียงซากปรักหักพัง จุดหนึ่งที่ถูกโจมตีอย่างหนักขณะนี้คือ โรงงานเหล็กอซอฟสตัลซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้ายของยูเครนในเมืองมาริอูโปล
ในวันพุธ (20 เม.ย.) กระทรวงกลาโหมรัสเซียยื่นคำขาดอีกครั้งให้ทหารยูเครนและทหารรับจ้างต่างชาติในโรงงานดังกล่าวยอมจำนนตั้งแต่เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของมอสโก หลังจากการยื่นคำขาดครั้งก่อนหน้านี้ไม่มีทหารยูเครนแม้แต่คนเดียวยอมวางอาวุธ
สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานเมื่อวันอังคาร (19 เม.ย.) โดยอ้างอิงรายงานของสถานีทีวีของรัฐบาลรัสเซียว่า พลเรือนราว 120 คนที่อาศัยอยู่ติดกับโรงงานเหล็กอซอฟสตัล อพยพออกจากบริเวณดังกล่าวผ่าน “ระเบียงมนุษยธรรม”
นอกจากนี้ คลิปจากโดรนยังเผยให้เห็นผู้คนออกไปซื้ออาหารและข้าวของจำเป็นในตลาดชั่วคราวที่มีราคาแพงกว่าปกติมาก หลายคนแวะชาร์จโทรศัพท์มือถือจากเครื่องปั่นไฟในราคา 1.35 ดอลลาร์
เมืองมาริอูโปลถูกปิดล้อมและโจมตีตั้งแต่ช่วงวันแรกๆ ของสงคราม ส่งผลให้พลเมืองหลายหมื่นคนติดอยู่ในวงล้อมโดยไม่มีอาหารหรือน้ำ และมีร่างผู้เสียชีวิตกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดบนถนน โดยรัฐบาลยูเครนเชื่อว่า ประชาชนกว่า 20,000 คนในเมืองนี้ถูกสังหาร
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โจมตีว่า กองทัพรัสเซียกำลังจารึกตัวเองในประวัติศาสตร์โลกตลอดกาลว่า เป็นกองทัพที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนที่สุดในโลก
ผู้นำยูเครนยังประณามมอสโกว่า จงใจฆ่าพลเรือน ทำลายที่พักอาศัยและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน และใช้อาวุธทุกรูปแบบซึ่งรวมถึงอาวุธที่สนธิสัญญาระหว่างประเทศห้ามใช้
แต่รัสเซียยืนกรานว่า ไม่ได้ใช้อาวุธต้องห้ามหรือพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนในสงครามยูเครน พร้อมอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า มีการจัดฉากเพื่อใส่ร้ายรัสเซียสังหารหมู่
ทั้งนี้ วิดีโอที่กองพันอะซอฟของยูเครนเผยแพร่เผยให้เห็นประชาชนหลบอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินใต้โรงงานเหล็กอซอฟสตัล โดยมีการระบุว่า มีผู้หญิง เด็ก และผู้สูงวัยหลายร้อยคนหลบซ่อนอยู่โดยที่เสบียงกำลังร่อยหรอลง อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ระบุว่า ไม่สามารถตรวจยืนยันว่า วิดีโอดังกล่าวเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่และบันทึกไว้เมื่อใด
ทางด้านอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ เผยว่า จะส่งอาวุธและความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนเพิ่ม โดยทาง เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวแถลงว่า อเมริกากำลังเตรียมมาตรการคว่ำบาตรระลอกใหม่
แหล่งข่าวหลายคนยังระบุตรงกันว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะประกาศแพกเกจความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่ให้ยูเครนมูลค่า 800 ล้านดอลลาร์เท่ากับสัปดาห์ที่แล้ว ภายในไม่กี่วันนี้
ขณะเดียวกัน แอนโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง 4 วันในช่วงสุดสัปดาห์ที่จะถึงซึ่งเป็นเทศกาลอีสเตอร์ เพื่ออพยพพลเรือน และส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม