ยูเครนประสบความสูญเสีย "ที่ไม่อาจเรียกคืนได้" ทหารจำนวน 23,367 นาย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากคำกล่าวอ้างของกระทรวงกลาโหมในมอสโกเมื่อวันเสาร์ (16 เม.ย.) ตอบโต้เคียฟที่อ้างว่ามอสโกสังเวยชีวิตทหารในสงครามแล้วมากกว่า 20,000 คน ผิดกับทางยูเครนเพิ่งประสบความสูญเสียแค่หลักไม่กี่พันนาย
พล.ต.อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เป็นผู้เปิดเผยตัวเลขความสูญเสียดังกล่าวของทหารยูคเครน โดยอ้างว่าแค่ในเมืองมาริอูโปลเพียงแห่งเดียว ยูเครนสูญเสียนักรบในสมรภูมิแห่งนี้ไปมากกว่า 4,000 นาย ในนั้นรวมถึงทหารรับจ้างต่างชาติและพวกนาซีที่เกี่ยวข้องกับกองพันอาซอฟ และกองพันไอดาร์
ในถ้อยแถลง นายพลรายนี้กล่าวหาประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กำลังปกปิดขอบเขตความสูญเสียที่แท้จริงของกำลังพล โดยระบุว่า "ประธานาธิบดีรายนี้กลัวที่จะบอกกับประชาชนชาวยูเครนว่ามีทหารเสียชีวิตไปแล้วมากแค่ไหน"
โคนาเชนคอฟ ชี้แจงต่อว่า รัสเซียมีเอกสารต่างๆ ที่สามารถพิสูจน์ตัวเลขดังกล่าว และอีกไม่นานจะเผยแพร่ข้อมูลรายละเอียดในเอกสารเหล่านี้เพิ่มเติม
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันศุกร์ (15 เม.ย.) เซเลนสกี อ้างว่ายูเครนสูญเสียทหารราว 2,500 ถึง 3,000 นาย ในสมรภูมิต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมอ้างว่าทหารรัสเซียประสบความสูญเสียสูงสุดถึง 20,000 นาย
รัสเซียปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี และข้อมูลที่เผยแพร่โดยรัฐบาลรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาบอกว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตเพียง 1,345 นาย ในช่วงเวลาดังกล่าว
พล.ต.โคนาเชนคอฟ เผยว่า ในวันเสาร์ (16 เม.ย.) รัสเซียได้ดำเนินการยิงขีปนาวุธโจมตีอย่างแม่นยำถล่มที่ตั้งทางยุทโธปกรณ์ของยูเครน และป้อมปราการทางทหารหลายสิบแห่ง
นายพลรายนี้อ้างอีกว่ากองกำลังรัสเซียได้ยิงเครื่องบินลำเลียงทางทหารลำหนึ่งของยูเครนตกใกล้เมืองโอเดสซา พร้อมเน้นว่าเครื่องบินลำดังกล่าวกำลังขนอาวุธล็อตใหญ่ของบรรดาชาติตะวันตก ส่งมอบให้แก่ยูเครน ทั้งนี้ รัสเซีย เคยประกาศว่าการจัดการส่งอาวุธใดๆ ของต่างชาติจะถูกมองว่าเป็น "เป้าหมายโดยชอบธรรม" ของกองกำลังของพวกเขา
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุมัติแพกเกจช่วยเหลืออาวุธหนักแก่ยูเครน มูลค่า 800 ล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงปืนใหญ่และเฮลิคอปเตอร์ โดยอาวุธล็อตแรกของแพกเกจดังกล่าวกำลังลำเลียงทางอากาศเดินทางถึงยูเครนภายใน 1 วัน
ตลอดคืนวันศุกร์ (15 เม.ย.) จนถึงเช้าวันเสาร์ (16 เม.ย.) รัสเซียใช้โจมตีที่แม่นยำสูงทำลายโรงงานผลิตยานเกราะแห่งหนึ่งในกรุงเคียฟ และอู่ซ่อมทางทหารในเมืองนิโคลีฟ ทางใต้ของยูเครน จากการเปิดเผยของโคนาเชนคอฟ รวมแล้วมีการโจมตีทั้งสิ้น 16 เป้าหมายในค่ำคืนดังกล่าว ในนั้นรวมถึงหน่วยทหารของยูเครน คลังอาวุธและกระสุน รวมถึงสถานีเรดาร์
มอสโกเตือนก่อนหน้านี้ว่า จะยกระดับโจมตี และจะเล็งเป้าเล่นงานศูนย์บัญชาการการตัดสินใจต่างๆในกรุงเคียฟ ตอบโต้ที่ยูเครนยิงปืนใหญ่เข้าใส่ดินแดนของรัสเซีย แต่ เคียฟ ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้โจมตีใดๆ เข้าใส่ดินแดนของรัสเซีย
การยกระดับโจมตีหนักหน่วงของรัสเซีย ยังมีขึ้นหลังจากเรือรบมอสควา เรือธงแห่งกองเรือทะเลดำของรัสเซียเกิดอับปาง หลังเกิดไฟไหม้บนเรือและลามไปยังคลังเก็บกระสุน แต่ทางยูเครนอ้างว่าพวกเขาเป็นคนยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือถล่มเรือรบลำดังกล่าว
รัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตามหลัง 7 ปีแห่งการเผชิญหน้า ต่อกรณีที่เคียฟล้มเหลวในการปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงมินสก์ และยุติความขัดแย้งในโดเนตสก์และลูฮันสก์ 2 เขตแบ่งแยกดินแดน ซึ่งสุดท้ายแล้ว รัสเซียก็ประกาศรับรองทั้ง 2 เขตในฐานะรัฐเอกราช
มอสโกเรียกร้องให้ยูเครนประกาศตนอย่างเป็นทางการในฐานะประเทศเป็นกลาง ที่จะไม่มีวันเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ เคียฟยืนกรานว่าการรุกรานของรัสเซียเกิดขึ้นโดยปราศจากการยั่วยุโดยสิ้นเชิง และปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขามีแผนใช้กำลังยืดคืน 2 สาธารณรัฐดังกล่าว
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/ซีเอ็นเอ็น)