รัสเซียหวนโจมตีถล่มเคียฟหลังยึดมาริอูโปลเบ็ดเสร็จ เผย 'ปูติน' เชื่อกำลังชนะสงคราม

รัสเซียกลับมาโจมตีทางอากาศรอบใหม่ถล่มกรุงเคียฟในวันเสาร์ (16 เม.ย.) ในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เตือนว่าการเจรจาสันติภาพกับมอสโกจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หากว่าทหารยูเครนนายสุดท้ายในมาริอูโปล เมืองที่ถูกปิดล้อมถูกสังหาร

เหตุนองเลือดครั้งใหญ่ในเมืองหลวงของยูเครน และแรงกดดันที่หนักหน่วงขึ้นต่อเมืองมาริอูโปล มีขึ้นในขณะที่นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ซึ่งถือเป็นผู้นำยุโรปคนแรกที่เดินทางไปพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย โดยส่วนตัว นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น เผยว่าผู้นำรัสเซีย "เชื่อว่าเขากำลังได้รับชัยชนะในสงคราม"

กลุ่มควันลอยพวยพุ่งขึ้นจากเขตดาร์นีร์สกีย์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ หลังจากมอสโกเปรยว่า พวกเขาปฏิบัติการโจมตีระยะไกลแม่นยำสูงใส่โรงงานอาวุธแห่งหนึ่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายคน

ตำรวจและทหารถูกส่งเข้าคุ้มกันรอบโรงงานอาวุธแห่งนี้อย่างหนาแน่น แต่สุดท้ายมันโดนโจมตีได้รับความเสียหายอย่างหนัก "กองกำลังของเราทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ในการปกป้องเรา แต่ศัตรูนั้นร้ายกาจและโหดเหี้ยม" วิตาลี คลิตส์ชโก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟกล่าว

เหตุโจมตีมีขึ้น 1 วัน ตามหลังเหตุโจมตีคล้ายกันถล่มโรงงานแห่งหนึ่งที่ใช้กำลังผลิตขีปนาวุธเนปจูน รุ่นที่ทางเคียฟและวอชิงตัน อ้างว่าใช้จมเรือรบมอสควา เรือธงแห่งกองเรือทะเลดำของรัสเซีย เมื่อวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.)

ปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีครั้งแรกนับตั้งแต่กองกำลังรัสเซียเริ่มถอนกำลังออกจากภูมิภาคแถบนี้เมื่อเดือนที่แล้ว และหันไปมุ่งเน้นยึดครองภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครนแทน หลังมันอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏแบ่งแบกดินแดนฝักใฝ่รัสเซียเป็นบางส่วนมาหลายปีแล้ว

โอเล็กซานดร์ ปาฟลิอุค ผู้ว่าการแคว้นเคียฟ บอกว่ามีการโจมตีของรัสเซียอื่นๆ อีกอย่างน้อย 2 จุดในเมืองในวันศุกร์ (15 เม.ย.) พร้อมเตือนประชาชนยังไม่ควรเดินทางกลับสู่เมืองหลวงในเวลานี้

ขณะเดียวกันในคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ขีปนาวุธของรัสเซียลูกหนึ่งตกใส่ย่านที่พักอาศัย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย ในวันเสาร์ (16 เม.ย.) และบาดเจ็บ 18 คน จากการเปิดเผยของสำนักงานอัยการ

เดนีส โมนาสตรีสกี รัฐมตรีมหาดไทยยูเครน กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 4 คน ในปฏิบัติการปลดชนวนกำจัดทุ่นระบิดใกล้เมืองคาร์คิฟ

ในทางภาคใต้ เมืองมาริอูโปล ซึ่งถูกทำลายล้าง ได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ขัดขืนดุเดือดอย่างไม่เคยคาดหมายมาก่อนของยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานเพื่อนบ้านอดีตสหภาพโซเวียตในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม เวลานี้เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่าพวกเขาควบคุมมาริอูโปลอย่างเบ็ดเสร็จแล้ว แม้นักรบยูเครนยังคงซ่อนตัวอยู่ในเหล่าโรงงานเหล็กคล้ายป้อมปราการของเมือ "พวกเขามีโอกาสรักษาชีวิตตนเองด้วยการสมัครใจวางอาวุธและยอมมอบตัว" โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันเสาร์ (16 เม.ย.)

ท่ามกลางการรุกคืบของกองกำลังรัสเซีย ประธานาธิบดีเซเลนสกีได้ส่งเสียงเตือนไปยังมอสโกว่า "การกำจัดทหารของเรา หนุ่มๆ ของเราในมาริอูโปล จะทำให้การเจรจาใดๆ ถึงจุดจบ" ผู้นำยูเครนให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวท้องถิ่น "เราจะไม่เจรจา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดินแดนหรือประชาชนของเรา"

การเจรจาสันติภาพ ซึ่งดูเหมือนถึงจุดจบแล้ว แทบไม่ก่อผลลัทธ์ใดๆ นับตั้งแต่มันเริ่มต้นขึ้น และ ปูติน บอกเมื่อหลายวันก่อน เขาเชื่อว่าการเจรจาสันติภาพใดๆ ถึงทางตันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คาร์ล เนแฮมเมอร์ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ซึ่งพบปะกับ ปูติน ในมอสโก เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (11 เม.ย.) คิดว่า ประธานาธิบดีรัสเซียเชื่อว่าสงครามนั้นมีความจำเป็นเพื่อความมั่นคงของประเทศของเขา

"ผมคิดว่าเวลานี้เขามีตรรกะสงครามของตนเอง" เนแฮมเมอร์ ให้สัมภาณ์กับรายงาน "Meet the Press" ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ซึ่งบางส่วนถูกเผยแพร่ในวันเสาร์ (16 เม.ย.) "ผมคิดว่า เขาเชื่อว่าเขากำลังได้รับชัยชนะในสงคราม"

(ที่มา : เอเอฟพี)