xs
xsm
sm
md
lg

‘ปูติน’ บอกว่าการปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครนนั้น ‘ไม่มีการกำหนดวันสิ้นสุด’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: เอ็ม. เค. ภัทรกุมาร ***


โรงงานเหล็กและเหล็กกล้า “อาซอฟสตัล” ที่เห็นอยู่ด้านหลังของกลุ่มอาคารซึ่งได้รับความเสียหายหนักในภาพนี้ ทางฝ่ายรัสเซียระบุว่า มีทหารยูเครนหลายพันคน รวมทั้งนายทหารจากพวกประเทศนาโต้กำลังติดกับถูกพวกตนล้อมเอาไว้
Russia’s Ukraine operation has no deadline
BY M. K. BHADRAKUMAR
13/04/2022

ผู้นำรัสเซียออกมายืนยันล่าสุดว่า “การปฏิบัติการทางทหาร” ของรัสซียในยูเครน “จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์” พร้อมกับอธิบายว่าทำไมจึงไม่เร่งรัดการปฏิบัติการให้รวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียออกมาพูดอย่างยาวในวันอังคาร (12 เม.ย.) ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการตั้งข้อสังเกตแบบมีการขยายรายละเอียดเกี่ยวกับการสู้รบขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครนเป็นครั้งแรกของเขาในช่วงเวลาเกือบๆ 1 เดือน เขาบอกว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนได้มาถึง “ทางตัน” เสียแล้ว พร้อมกันนั้นเขาให้คำมั่นว่า “ปฏิบัติการทางทหาร (ของรัสเซีย) จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์”

ปูตินให้คำนิยามถึงจุดมุ่งหมายของสงครามคราวนี้ในแบบจำกัดขอบเขตยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเน้นหนักไปที่การควบคุมภูมิภาคดอนบาสส์ –ไม่ใช่ยูเครนทั้งหมด ปูตินย้ำว่าการปฏิบัติการต่างๆ ของรัสเซียในแคว้นต่างๆ จำนวนมากของยูเครนเท่าที่ดำเนินมาถึงเวลานี้ มีความตั้งใจเพียงแค่จะมัดมือมัดเท้ากองกำลังต่างๆ ของข้าศึกเอาไว้ และการดำเนินการโจมตีโดยขีปนาวุธก็ด้วยวัตถุประสงค์ในการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารของยูเครน ทั้งนี้ เพื่อที่จะ “สร้างเงื่อนไขต่างๆ สำหรับการปฏิบัติการอย่างทรงพลังยิ่งขึ้นในดินแดนดอนบาสส์”

เขาใช้คำพูดอย่างนี้ “เป้าหมายของเราคือการจัดหาความช่วยเหลือให้แก่ประชาชนของดอนบาสส์ ผู้ซึ่งมีความรู้สึกผูกพันกับรัสเซียอย่างชนิดที่ไม่สามารถทำลายให้แตกสลายไปได้ และก็ตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาป็นเวลา 8 ปีแล้ว”

เมื่อถูกถามว่าทำไมการปฏิบัติการจึงไม่สามารถที่จะเร่งรัดให้เร็วยิ่งขึ้นได้ ปูตินบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า “ผมเจอกับคำถามเหล่านี้อยู่บ่อยๆ ‘ไม่สามารถเร่งรัดให้เร็วยิ่งขึ้นหรือ?’ เราสามารถทำได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าการเป็นปฏิปักษ์นั้นมีความเข้มข้นถึงขนาดไหน และยังไงก็ตามที คุณคาดกันได้อยู่แล้ว ความเข้มข้นของการเป็นปฏิปักษ์กันมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องโดยตรงกับจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย”

เขาพูดอย่างชัดเจนว่า “ภารกิจของเราคือการบรรลุเป้าหมายต่างๆ ที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกับที่ลดความสูญเสียเหล่านี้ให้เหลือน้อยที่สุด เราจะกระทำอย่างมีจังหวะจะโคน อย่างสุขุมเยือกเย็น และดำเนินไปตามแผนการซึ่งเสนอเอาไว้ตั้งแต่ต้นโดยคณะเสนาธิการใหญ่” เขากล่าวต่อไปอีกว่า “การปฏิบัติการเวลานี้กำลังเป็นไปตามแผน”

เป็นที่ชัดเจนว่า มาริอูโปล เมืองท่าในบริเวณตอนใต้ของดอนบาสส์นั้น รัสเซียสามารถที่จะเข้าพิชิตได้ด้วยการใช้กำลังเข้าหักหาญ ทว่ามันก็จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายในระดับชวนสยดสยอง แทนที่จะทำเช่นนั้น กองกำลังของฝ่ายข้าศึก –ทั้งกองทัพยูเครน กองพันอาซอฟ (Azov battalion) ที่เป็นพวกนาซีใหม่ และพวกนักรบรับจ้างชาวต่างชาติ— ต่างถูกไล่ต้อนอย่างหนักแน่นแน่วแน่ให้เข้าสู่มุมอับ และติดกับอยู่ในสถานที่หลักๆ 2 แห่ง อันได้แก่ โรงงานเหล็กและเหล็กกล้าอาซอฟสตัล (Azovstal) และท่าเรือแห่งหลักของเมือง

กองกำลังอาวุธของฝ่ายรัสเซียเพิ่งสามารถควบคุมท่าเรือเอาไว้ได้สำเร็จ ขณะที่ในโรงงานอาซอฟสตัล กองกำลังฝ่ายข้าศึกที่มีจำนวนราวๆ 3,000 คนกำลังถูกโอบล้อม โดยเป็นไปได้ว่าในจำนวนข้าศึกเหล่านี้หลายสิบหรือกระทั่งหลายร้อยคนทีเดียวเป็นนายทหารจากพวกประเทศนาโต้ –และที่น่าประหลาดใจมาก คือมีกระทั่งผู้ที่มาจากสวีเดนด้วย พวกผู้เชี่ยวชาญพากันประมาณการว่าเมืองนี้กำลังจะตกอยู่ในกำมือของฝ่ายรัสเซียรอมร่อแล้ว กระทรวงกลาโหมรัสเซียเองเพิ่งประกาศในวันพุธ (13 เม.ย.) ว่า ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ทหารยูเครนมากกว่า 1,000 คน ในจำนวนนี้ป็นนายทหาร 162 คน ยกธงขาวยอมจำนนที่เมืองมาริอูโปล

เมื่อมองทบทวนย้อนหลังกลับไป วัตถุประสงค์ข้อหลักเบื้องหลังความพยายามทางการทูตอย่างลนลานของพวกประเทศนาโต้บางราย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศส และเยอรมนี) ที่จะเป็นผู้อุปถัมภ์ค้ำชูการจัดตั้ง “พื้นที่ระเบียงแห่งมนุษยธรรม” ขึ้นมา เพื่อให้ผู้คนอพยพออกมาจาก มาริอูโปล นั้น จริงๆ แล้วแฝงเอาไว้ด้วยระเบียบวาระอันต่ำทราม นั่นคือ เพื่อที่จะหาทางลักลอบนำเอาพวกนายทหารชาวตะวันตกซึ่งติดกับอยู่ออกไปจากเมืองท่าแห่งนี้นั่นเอง หัวใจของเรื่องทั้งหมดอยู่ตรงที่ว่า ในทางพฤตินัยแล้ว กองกำลังอาวุธของนาโต้ได้ถูกส่งเข้าไปในยูเครนแล้ว ในฐานะเป็นอาสาสมัครชาวต่างชาติหรือในฐานะผู้ฝึกสอนทหารชาวต่างชาติ และคนเหล่านี้ยังได้รับการประกอบอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารขนาดหนัก พวกเขากำลังสู้รบกับกองทัพรัสเซียอยู่แล้ว

มีนักหนังสือพิมพ์ชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งซึ่งพยายามเหลือเกินที่จะลักลอบนำเอา “พวกอาสาสมัคร” ชาวฝรั่งเศสออกไป ได้ออกมาปรากฏตัวทางคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า บุคลากรทางทหารชาวอเมริกันทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานให้แก่พวกทหารต่างชาติในยูเครน และเป็นผู้ดำเนินการโดยตรงในการฝึกอบรมและในการรับสมัคร “อาสาสมัคร” ชาวต่างชาติเหล่านี้ให้เข้าร่วมในกองกำลังอาวุธฝ่ายยูเครน

ในสภาพเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ ย่อมมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า การเจรจาสันติภาพระหว่างมอสโกกับเคียฟไม่สามารถที่คืบหน้าได้ คำถามใหญ่อยู่ตรงที่ว่า คณะบริหารไบเดนต้องการที่จะให้การสู้รบขัดแย้งนี้ยุติลงและมีการเจรจาจัดทำข้อตกลงสันติภาพกันหรือไม่? คำตอบดูเหมือนจะออกมาว่า “ไม่” ความเป็นจริงแล้ว สหรัฐฯ กำลังเติมเชื้อเพลิงโหมฮือการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ด้วยซ้ำไป

วุฒิสภาสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติผ่านร่างกฎหมายว่าด้วยการยืม-การเช่า (lend-lease) ซึ่งจะเป็นเครื่องมือทำให้สหรัฐฯ สามารถจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปให้แก่ยูเครนได้ง่ายดายยิ่งขึ้นอย่างมหาศาล โดยที่ วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเอาไว้ว่า สหรัฐฯ จะจัดส่งพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ขนาดหนัก เป็นต้นว่า ระบบป้องกันภัยทางทหารยุคโซเวียต ไปให้แก่ยูเครน ว่ากันว่าคณะบริหารไบเดนยังกำลังเตรียมการเพื่อประกาศให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครนอีกมากกว่า 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะมีทั้งพวกระบบปืนใหญ่ภาคพื้นดินขนาดหนัก เฮลิคอปเตอร์ และยานยนต์หุ้มเกราะ ทั้งนี้ระหว่างสมัยแห่งการเป็นประธานาธิบดีของไบเดน สหรัฐฯ ได้จัดหาความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนไปแล้วมากกว่า 2,400 ล้านดอลลาร์ โดยที่ 1,700 ล้านดอลลาร์ให้ไปนับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มต้นการปฏิบัติการพิเศษของตนในยูเครนเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ ในการแถลงเมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) คราวนี้ ปูตินยืนยันรายงานข่าวหลายกระแสที่ว่า หน่วยข่าวกรองของสหราชอาณาจักรเป็นผู้จัดฉากสร้างสิ่งที่เรียกกันว่า “การสังหารในเมืองบูชา” ขึ้นมา เพื่อผูกมัดตั้งข้อหาฉกาจฉกรรจ์ รวมทั้งประณามกล่าวโทษกองทัพรัสเซีย ตลอดจนสร้างเรื่องเอะอะโวยวายในระดับระหว่างประเทศ ขณะที่น่าสังเกตว่าเพนตากอนกลับกำลังนำพาตัวเองให้ถอยออกห่างจากกรณีซึ่งก่อให้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งกันมากนี้ ซึ่งแอบอิงอยู่กับสิ่งที่ปรากฏออกมาแล้วว่าเป็นข่าวปลอมข่าวเท็จ ทั้งนี้ ปูติน พูดเอาไว้อย่างนี้:

“มีความสับสนวุ่นวายอะไรกันมากมายเลย แต่พวกเขา (อียูและสหรัฐฯ) ก็เพียงแค่ต้องการหาเหตุสำหรับการประกาศแพกเกจแซงก์ชันครั้งใหม่เท่านั้น อย่างที่เราทราบๆ กันเป็นอย่างดีแล้ว วันนี้ เราพูดจากันเกี่ยวกับการปฏิบัติการพิเศษของพวกเขา ซึ่งก็คือ การปฏิบัติการทางจิตวิทยาที่ดำเนินการโดยสหราชอาณาจักร

“ถ้าหากพวกคุณต้องการที่จะทราบเกี่ยวกับพวกที่อยู่ สถานที่พบปะกันอย่างลับๆ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ยี่ห้อของยานพาหนะที่พวกเขาใช้กันในเมืองบูชา และวิธีการที่พวกเขาทำเรื่องนี้ออกมา หน่วยงาน FSB ของรัสเซียก็สามารถจัดหาข้อมูลข่าวสารนี้ให้ แต่ถ้าไม่ต้องการ เราก็สามารถช่วยเหลือได้ โดยเราได้เปิดโปงให้เห็นจุดยืนที่แสนน่าเกลียดน่าขยะแขยงในเรื่องนี้ของฝ่ายตะวันตก ด้วยการร่วมมือกับผู้ที่เป็นเพื่อนมิตรของเราชาวรัสเซีย โดยเป็นการเปิดโปงอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดยุติ”
(FSB คือ Federal Security Service หน่วยงานด้านความมั่นคงของสหพันธรัฐรัสเซีย ถือเป็นหน่วยงานหลักทางด้านความมั่นคงของรัสเซีย ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Federal_Security_Service)

ตลอดช่วงเวลาประมาณครึ่งเดือนที่ผ่านมา กองกำลังอาวุธทั้งของฝ่ายรัสเซียและของฝ่ายยูเครน ต่างกำลังรวมตัวจัดกลุ่มจัดกำลังของฝ่ายตนกันใหม่ รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้ที่มั่นของพวกตนในยูเครนตะวันออก ทั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสู้รบที่จะตัดสินชี้ขาดว่าใครจะสามารถเข้าควบคุมภูมิภาคดอนบาสส์เอาไว้ กองกำลังอาวุธของฝ่ายรัสเซียกำลังเตรียมตัวโอบล้อมกองทหารยูเครนที่รวมศูนย์กำลังกันอย่างใหญ่โตมหึมา โดยที่ประมาณกันว่า มีกำลังทหารอยู่ในเขตนี้ถึงราว 100,000 คน โดยเอามาจากพวกหน่วยทหารชั้นเยี่ยมที่สุดของกองทัพของตน นอกจากนั้น กรุงเคียฟยังกำลังโยกย้ายถ่ายโอนกองกำลังทั้งหมดเท่าที่จะหามาได้ให้ไปยังแนวรบด้านตะวันออกนี้ เพื่อหยุดยั้งการรุกใหญ่ของฝ่ายรัสเซีย

การให้ความเห็นของ ปูติน เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) บ่งบอกว่ารัสเซียไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องทำให้ได้รับชัยชนะเร็วที่สุดไม่ว่าจะต้องทุ่มเทกันถึงขนาดไหน ปูติน บอกว่ามอสโกนั้น “ไม่มีทางเลือกอื่นๆ อีกแล้ว” และกล่าวด้วยว่า การปฏิบัติการนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะพิทักษ์ปกป้องประชาชนในส่วนต่างๆ ของยูเครนตะวันออก ตลอดจนเพื่อ “รับประกันความมั่นคงของรัสเซียเอง” เขาประกาศว่าการปฏิบัติการนี้จะ “ดำเนินต่อเนื่องไปจนกระทั่งมันเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และเติมเต็มภารกิจต่างๆ ที่ได้กำหนดเอาไว้”

แน่ใจได้เลยว่า การสู้รบในยูเครนตะวันออกจะดุเดือดเข้มข้นในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายนั้นยังจะต้องใช้เวลา กองกำลังอาวุธของฝ่ายยูเครนและพวกนักรบต่างชาติผู้ซึ่งชุมนุมกันอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกนี้ เป็นพวกที่ประกอบอาวุธยุทโธปกรณ์ชั้นดี และไม่เพียงแต่จะไม่ยอมยุติการต้านทานอย่างดื้อรั้นของพวกตนเท่านั้น หากกระทั่งยังอาจจะเปิดการสู้รบเข้าไปในดินแดนของรัสเซียด้วยซ้ำ

ฉากทัศน์ที่โหดเหี้ยมดุร้ายเช่นนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอันตรายซึ่งมีอยู่อย่างเปี่ยมล้น โดยที่นาโต้อาจจะค้นพบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าตอนนี้ตนเองกำลังทำสงครามกับรัสเซียอยู่ในยูเครนเสียแล้ว ตามรายงานของพวกสื่อมวลชนฝ่ายตะวันตก หน่วยทหารรบพิเศษชั้นนำของสหราชอาณาจักร และของสหรัฐฯ กำลังถูกส่งเข้าไปยูเครน ซึ่งก็รวมถึงกำลังคนจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ (Special Air Service หรือ SAS) ของสหราชอาณาจักร และทหารของชุดปฏิบัติรบพิเศษที่ 1 “เดลต้า” (the First Operational Unit of Special Forces “Delta”) ของกองทัพบกสหรัฐฯ

มีรายงานหลายกระแสระบุว่า การปฏิบัติการต่างๆ ในเมืองมาริอูโปล อยู่ใต้การบังคับบัญชาของนายพลชาวอเมริกันผู้หนึ่ง ซึ่งพยายามหลบหนีด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ส่งมาช่วยเหลือเขาให้พ้นภัยเมื่อสัก 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าถูกขัดขวางจากหน่วยกำลังอาวุธท้องถิ่นของโดเน็ตสก์ ซึ่งเข้าร่วมในการปฏิบัติการเคียงข้างกับกองกำลังฝ่ายรัสเซีย และนายพลผู้นี้ถูกหน่วยกำลังอาวุธท้องถิ่นนี้ควบคุมตัวเอาไว้ เป็นเรื่องที่พอจะนึกภาพออกได้ทีเดียวว่า ภารกิจของนายกรัฐมนตรี คาร์ล เนฮัมมอร์ (Karl Nehammer) แห่งออสเตรีย ในการเดินทางไปเยือนมอสโกเมื่อวันจันทร์ (11 เม.ย.) รวมทั้งการพูดจา “อย่างตรงไปตรงมา เปิดเผย และลำบากมากๆ “ของเขากับปูติน ระหว่างการประชุมหารือแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ณ ทำเนียบที่พัก โนโว-โอการ์โยโว (Novo-Ogaryovo) นอกกรุงมอสโกของฝ่ายหลัง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาด้วยการประสานงานร่วมมือกับทางวอชิงตัน ทั้งนี้ไม่มีบันทึกย่อผลการหารือใดๆ ออกมาเลยจากฝ่ายเครมลินเลย เกี่ยวกับการพบปะหารือกันเป็นเวลา 75 นาทีในคราวนี้

เอ็ม. เค. ภัทรกุมาร เคยรับราชการเป็นนักการทูตอาชีพในกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเป็นเวลากว่า 29 ปี ในตำแหน่งต่างๆ เป็นต้นว่า เอกอัครราชทูตอินเดียประจำอุซเบกิสถาน (ปี 1995-1998) และเอกอัครราชทูตอินเดียประจำตุรกี (ปี 1998-2001) ปัจจุบันเขาเขียนอยู่ในบล็อก “อินเดียน พันช์ไลน์” (Indian Punchline)

ข้อเขียนชิ้นนี้มาจากบล็อก “อินเดียน พันช์ไลน์” (Indian Punchline) ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.indianpunchline.com/russias-ukraine-operation-has-no-deadline/


กำลังโหลดความคิดเห็น