xs
xsm
sm
md
lg

‘ชาวรัสเซีย’ หันมาสนับสนุน ‘ปูติน’ หลังเดือดร้อนจาก ‘มาตรการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตก’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สำนักข่าวเอเอฟพี ***


ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ขณะเป็นประธานการประชุมผ่านวิดีโอลิงก์ จากบ้านพักรับรองในเขตโนโว-โอการ์โยโว นอกกรุงมอสโก เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปูตินกำลังได้รับความสนับสนุนมากขึ้นจากชนชั้นกลางรัสเซีย สืบเนื่องจากมาตรการแซงก์ชันของฝ่ายตะวันตก ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกว่าตกเป็นเหยื่ออย่างไม่เป็นธรรม
Stung by sanctions over Ukraine, Russians rally behind Putin
by Marina Lapenkova, AFP
11/04/2022

ฝ่ายตะวันตกวาดหวังว่า การใช้มาตรการแซงก์ชันอย่างกว้างขวางชนิดที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน จะช่วยบั่นทอนความสนับสนุนของสาธารณชนชาวรัสเซียที่มีต่อเครมลิน ทว่ามันกลับกำลังก่อให้เกิดผลตรงกันข้าม ชนชั้นกลางรัสเซียจำนวนมากต่างรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติจากฝ่ายตะวันตกอย่างไม่เป็นธรรม และเวลานี้กำลังหันมาหนุนหลังปูติน

เหมือนๆ กับสมาชิกจำนวนมากของผู้คนชนชั้นกลางที่มีฐานะมั่งคั่งของรัสเซีย ริต้า กูเอียร์มาน (Rita Guerman) ผู้มีอาชีพเป็นโปรดิวเซอร์ผลิตงานโฆษณา มีแนวความคิดคัดค้านต่อต้าน วลาดิมีร์ ปูติน บุรุษเหล็กแห่งเครมลินมาอย่างยาวนาน

แต่แล้วการที่ตะวันตกดำเนินการแซงก์ชันเพื่อลงโทษ หลังจาก ปูติน ตัดสินใจส่งกองทหารบุกเข้ายูเครนตอนช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็ได้เปลี่ยนแปลงความเห็นของเธอเกี่ยวกับผู้นำรัสเซียคนนี้ แบบจากหลังตีนเป็นหน้ามือ

“ฉันเพิ่งเปิดหูเปิดตาตัวเอง” สาวใหญ่วัย 42 ปีผู้นี้บอก ขณะยกย่องสรรเสริญประธานาธิบดีรัสเซียว่า กำลังปกป้องประเทศชาติ “จากการถูกนาโต้เล่นงาน”

ฝ่ายตะวันตกประเคนใส่รัสเซียด้วยมาตรการแซงก์ชันชุดแล้วชุดเล่าอย่างชนิดไม่เคยปรากฏพบเห็นกันมาก่อน เพื่อลงโทษ ปูติน ที่เปิดการรณรงค์ทางทหารต่อยูเครนซึ่งปัจจุบันโปรตะวันตก ทำให้มีผู้คนจำนวนมากซึ่งรวมถึงพลเรือนด้วยถูกสังหารไปเป็นพันๆ หมื่นๆ คน และที่ต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่นอพยพออกจากบ้านเรือนตัวเองก็มีจำนวนกว่า 11 ล้านคน

พวกมหาอำนาจฝ่ายตะวันตกวาดหวังว่า การแซงก์ชันเหล่านี้จะช่วยบั่นทอนความสนับสนุนของสาธารณชนชาวรัสเซียที่มีต่อเครมลินให้อ่อนยวบลงมา ทว่าผู้สังเกตการณ์บอกว่า การลงโทษเหล่านี้ซึ่งกำลังทำให้แดนหมีขาวเสื่อมทรุดย่ำแย่ กลับก่อให้เกิดผลตรงกันข้ามในหลายๆ ด้านด้วยกัน

หลังจากรู้สึกช็อกและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลยในตอนแรกๆ สมาชิกจำนวนมากของชนชั้นกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกนิยมตะวันตก อย่างเช่น กูเอียร์มาน ต่างรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการปฏิบัติจากฝ่ายตะวันตกอย่างไม่เป็นธรรม และเวลานี้กำลังหันมาเชียร์หันมาหนุนหลัง ปูติน

มาตรการแซงก์ชันระลอกล่าสุดนี้ กระหน่ำเล่นงานใส่ชาวรัสเซียโดยรวมๆ อย่างไม่มีการจำแนกแยกแยะ ด้วยการทำให้พวกเขาสูญเสีย ทั้งสัญญาข้อตกลงที่ทำเอาไว้กับพวกบริษัทต่างประเทศ การเดินทางไปพักผ่อนในยุโรป บัตรเครดิตที่เป็นแบรนด์วีซ่าและแบรนด์มาสเตอร์ และการเข้าถึงการแพทย์ของฝ่ายตะวันตก

ตอนที่ ปูติน ส่งทหารบุกยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กูเอียร์มานกำลังทำงานโฆษณาที่จะเสร็จอยู่แล้วชิ้นหนึ่งให้แก่บริษัทยูเครนแห่งหนึ่ง เธอรู้สึกหวั่นไหวมากในตอนแรก และต้องการที่จะบริจาคช่วยเหลือกองทัพยูเครนด้วยซ้ำ แต่ต่อจากนั้นเธอใช้เวลา 2 สัปดาห์ไปในการขบคิดทบทวนและรับฟัง “พวกนักประวัติศาสตร์และพวกผู้เชี่ยวชาญในด้านภูมิรัฐศาสตร์” และกลายเป็นผู้สนับสนุน ปูติน คนหนึ่งไปเลย

“คนธรรมดาทั่วไปนะไม่สามารถยอมรับสงครามได้หรอก มันกำลังทำให้ฉันปวดร้าวมากเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เลย แต่นี่เรากำลังพูดกันถึงอธิปไตยของรัสเซียนะ” กูเอียร์มาน กล่าวกับเอเอฟพี

“ผลของมันจะออกมายังไงยังไม่มีความชัดเจนแน่นอน แต่ ปูติน นะไม่มีทางเลือกเลยนะนอกจากต้องบุกเข้ายูเครนเพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเราจากพวกแองโกล-แซกซอน”

เธอเล่าต่อไปว่า ผลจากมาตรการแซงก์ชันคราวนี้ ทำให้เธอสูญเสียลูกค้าชาวต่างประเทศที่เธอมีอยู่ไปหมดเลย ขณะที่งานซึ่งทำกับลูกค้าภายในประเทศก็เหือดแห้งไปด้วย

“เรากำลังถูกปิดล้อม” เธอบอก และกล่าวต่อไปว่าเธอได้หวนกลับมาทบทวนไตร่ตรองสิ่งต่างๆ ที่ถือว่ามีคุณค่าสำหรับเธอเสียใหม่ “มีโคคาโคลา และ ไอโฟน แล้วก็มีสิ่งที่เป็นคุณค่าแห่งการดำรงคงอยู่อีกด้วย”

การทำให้ชาวรัสเซียกลายเป็นปีศาจร้าย

ตามการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเลวาดา (Levada) ที่เป็นสำนักทำโพลอิสระ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 83% ของผู้ที่ตอบคำถามการสำรวจบอกว่า พวกเขายอมรับเห็นชอบกับผลงานของ ปูติน พุ่งลิ่วๆ ขึ้นมาจากระดับ 65% ในการสำรวจเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว

กระนั้น มีนักสังคมวิทยาจำนวนมากทักท้วงว่า ผลโพลเหล่านี้ไม่ได้ให้ภาพที่เป็นกลางปลอดจากอคติ เนื่องจากเป็นการสำรวจความคิดเห็นในช่วงที่เกิดการสู้รบขัดแย้งทางการทหาร ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ทางการนั้นในทางสาระสำคัญแล้วถูกถือว่าผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ หลังจากการรณรงค์ทางการทหารในยูเครนเริ่มต้นขึ้น ทางการผู้มีอำนาจของรัสเซียได้ประกาศบทลงโทษจำคุกสูงสุด 15 ปีทีเดียว สำหรับการเผยแพร่ “ข่าวปลอม” เกี่ยวกับกองทัพรัสเซีย

พวกสื่อมวลชนฝ่ายค้านถ้าไม่ถูกสั่งแบน ก็จะถูกบังคับให้ระงับการดำเนินกิจการเป็นการชั่วคราว ขณะที่ช่องทีวีต่างๆ พากันผลิตงานโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านยูเครนและต่อต้านตะวันตกออกมาเสนอสาธารณชน

นาตาเลีย ตีฮอโนวา (Natalia Tikhonova) หัวหน้านักวิจัยประจำสถาบันสังคมวิทยา แห่งบัณฑิตยสภาทางวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย (Institute of Sociology of the Russian Academy of Sciences) ชี้ว่า สมาชิกจำนวนมากของชนชั้นกลางรัสเซีย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเขาจึงต้องร่วมส่วนรับผิดชอบแบบรวมหมู่สำหรับการกระทำต่างๆ ของ ปูติน ในยูเครนด้วย ในเมื่อพวกเขาไม่เคยออกเสียงเลือก ปูติน เลย

“กระบวนการทำให้ชาวรัสเซียในฐานะที่เป็นชาติๆ หนึ่งกลายเป็นปีศาจร้ายขึ้นมาในยุโรป มีแต่จะกลายเป็นการผลักดันพวกเขาให้หันมารวมตัวกันสนับสนุนธงนำ” ตีฮอโนวา บอกกับเอเอฟพี

มีคนมากกว่า 15,000 คนถูกจับกุมคุมขังจากการออกมาประท้วงคัดค้านในรัสเซียภายหลังการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้เริ่มต้นขึ้น แต่การชุมนุมประท้วงเหล่านี้สูญสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ชาวรัสเซียจำนวนเป็นหมื่นๆ คน –ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่มีการศึกษาสูง— พากันเดินทางออกนอกประเทศเพื่อแสดงการประท้วง

แต่พวกที่ยังอยู่กันในรัสเซียกำลังปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงใหม่ๆ อันโหดเหี้ยม และจำนวนมากเห็นด้วยกับเรื่องเล่าของเครมลินที่ว่า ฝ่ายตะวันตกกำลังทำ “สงครามแบบเบ็ดเสร็จทุกๆ ด้าน” เพื่อเล่นงานชาวรัสเซีย

“กระทั่งว่าพวกเขาอาจจะคัดค้านการปฏิบัติการในยูเครน แต่ชนชั้นกลางเหล่านี้ก็ได้รับการปลุกเร้าให้เห็นด้วยกับการสนับสนุนปูตินและการต่อต้านคัดค้านฝ่ายตะวันตก” ตีฮอโนวา อธิบาย พร้อมกับชี้ว่า ราวๆ 60% ของผู้คนเหล่านี้ทีเดียวเคยมองตัวเองว่า “มีความใกล้ชิดกับชาวยุโรป”

“รัฐที่ต่อต้านตะวันตก”

อเล็กซานเดอร์ นิโคนอฟ (Alexander Nikonov) ชาวมอสโกวัย 37 ปี บอกว่า เวลานี้ “โรคประสาทหวาดผวาต่อต้านรัสเซีย” กำลังแพร่ระบาดอยู่ในโลก และกล่าวต่อไปว่า ชาวรัสเซียควรต้องสามัคคีกันเอาไว้

“นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับมาทะเลาะโต้เถียงกัน” เขาบอกกับเอเอฟพี

“แม้แต่พวกเพื่อนร่วมงานของผมซึ่งเคยวิพากษ์วิจารณ์ทางการอย่างเปิดเผย เวลานี้ก็ยังส่งเสียงลดน้อยลงเลย” นิโคนอฟ กล่าวในร้านหนังสือแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงมอสโก ซึ่งเขาไปซื้อหาหนังสือชุดรวมเทพนิยายรัสเซีย

“(เทพนิยายรัสเซีย) พวกนี้ทำให้จิตใจเราสูงส่งขึ้นและมีความย้อนแย้งอย่างลึกซึ้งกว่าพวก (เทพนิยาย) ในยุโรป” เขาบอก

พวกเซเลบคนดังชาวรัสเซียบางคน –ผู้ซึ่งปกติแล้วนิยมที่จะถอยห่างออกมาจากเรื่องการเมือง— ก็ออกมาประกาศตัวเทกไซด์อย่างชัดเจนเหมือนกัน

นักแสดง มารินา เอียร์โมชคินา (Marina Ermoshkina) เรียกร้องพวกอินฟลูเอนเซอร์ชาวรัสเซียทั้งหลาย เอากระเป๋าถือ “ชาเนล” ของพวกเขาออกมาตัดทำลาย เพื่อแสดงการประท้วงการที่แบรนด์หรูเฟ่อแบรนด์นี้ตัดสินยุติการขายสินค้าให้รัสเซีย

เอียร์โมชคินา ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 300,000 คนทางอินสตาแกรม ยังโพสต์ภาพที่ตัวเธอกำลังตัดกระเป๋าถือชาเนลใบหนึ่งด้วยกรรไกรตัดหญ้า เพื่อประท้วง “อาการเกลียดชังรัสเซีย”

ผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง แมกซิม เชฟเชนโค (Maxim Shevchenko) บอกว่า ด้วยการทำลายวิถีดำรงชีพของชาวรัสเซียที่นิยมตะวันตกเช่นนี้ มันจึงกลายเป็นว่าฝ่ายตะวันตกกำลังทำให้ระบอบปกครองของ ปูติน ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก

“พวกชนชั้นกระฎุมพีรัสเซียรุ่นใหม่เหล่านี้ –ซึ่งเป็นส่วนที่มีความคิดเสรีนิยมมากที่สุดของสังคมรัสเซีย— คือพวกเดียวเท่านั้นที่สามารถต่อต้าน ปูติน ได้” เชฟเชนโก บอก

นักวิเคราะห์การเมืองอีกคนหนึ่ง จอร์จี โบฟต์ (Georgy Bovt) แสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกัน

“สงครามทางเศรษฐกิจที่ฝ่ายตะวันตกประกาศออกมาเพื่อเล่นงานชาวรัสเซีย โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาจะมีความเชื่อทางการเมืองอย่างไรนั้น กลายเป็นเครื่องปลุกเร้าพวกเขาให้สนับสนุนทางการ มากยิ่งกว่าการโฆษณาชวนเชื่อทั้งหมดทั้งสิ้นของเครมลินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านเสียอีก” เขาบอกกับเอเอฟพี

“ด้วยการปฏิเสธไม่ยอมที่จะแยกชาติออกจากผู้นำของชาตินั้นๆ ฝ่ายตะวันตกก็จะได้เห็นรัฐใหม่รัฐหนึ่งผงาดขึ้นมาตรงบริเวณใกล้ๆ กับพรมแดนของพวกเขา –เป็นรัฐที่ต่อต้านตะวันตก”
กำลังโหลดความคิดเห็น