ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (8 มี.ค.) แถลงห้ามนำเข้าน้ำมันและพลังงานอื่นๆ จากรัสเซีย ส่วนสหราชอาณาจักรจะลดการพึ่งพาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ความเคลื่อนไหวที่สำคัญที่เพิ่มแรงกดดันใส่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ให้หยุดโจมตีทำลายล้างยูเครน
รัฐบาลยูเครนกล่าวหากองกำลังรัสเซียยิงปืนใหญ่ใส่แนวกันชนด้านมนุษยธรรมที่มอสโกสัญญาว่าจะเปิดทางให้พวกชาวบ้านใช้หลบหนีอกจากเมืองมาริอูโปล ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีรายหนึ่งบอกว่า สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมอยู่ในขั้นหายนะ
จำนวนผู้เสียชีวิตในความขัดแย้งเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่สงครามเข้าสู่วันที่ 13 และจำนวนผู้ลี้ภัยที่หลบหนีออกจากยูเคครนไปยังบรรดาประเทศเพื่อนบ้านมีมากกว่า 2 ล้านคนแล้ว
ไบเดน แถลงที่ทำเนียบขาวว่า "ยูเครนจะไม่มีวันเป็นชัยชนะสำหรับปูติน ปูตินอาจสามารถยึดเมืองหนึ่งๆ แต่เขาจะไม่มีทางยึดครองประเทศได้"
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวสุนทรพจน์กับรัฐสภาสหราชอาณาจักรผ่านวิดีโอลิงก์ เรียกร้องทั่วโลกยกระดับการคว่ำบาตร พร้อมกล่าวว่าประชาชนของเขาจะสู้กับผู้รุกรานรัสเซียจนหยดสุดท้าย แต่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ ในนั้นรวมถึงเขตห้ามบิน
บรรดาสมาชิกสภาลุกขึ้นยืนปรบมือให้เขา แต่มีอย่างน้อย 1 คนที่ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา ว่าเขตห้ามบินไม่ได้อยู่ในการพิจารณา เนื่องจากมันอาจนำมาซึ่งสงครามที่ลุกลามบานปลายไปทั่วยุโรป
มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานรัสเซียตอบโต้กรณีรุกรานยูเครน ได้ตัดรัสเซียอกจากการค้าโลกและตลาดการเงินอยู่ก่อนแล้ว แต่รัสเซียเป็นผู้ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดในโลก และที่ผ่านมานั้น การส่งออกน้ำมันถูกยกเว้นจากมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติ
ในการแถลงแบนน้ำมันและพลังงานอื่นๆ จากรัสเซีย ไบเดนกล่าวว่า "น้ำมันของรัสเซียจะไม่เป็นที่ยอมรับตามท่าเรือต่างๆ ของสหรัฐฯ อีกต่อไป และประชาชนชาวอเมริกา จะก่อความเสียหายอย่างหนักหน่วงแก่กลไกสงครามของปูติน"
สหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้ซื้อรายใหญ่ของน้ำมันรัสเซีย แต่ไบเดนได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในยุโรป ในความพยายามโดดเดี่ยวเศรษฐกิจที่พึ่งพิงพลังงานอย่างมากของรัสเซีย อย่างไรก็ตามบรรดาชาติต่างๆ ในอียูจนถึงตอนนี้ยังคงมีท่าทีลังเล
สหราชอาณาจักรแถลงว่าพวกเขาจะลดการนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซียอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในปี 2022 ในขณะที่อียูเผยแพร่แผนปรับลดพึ่งพิงก๊าซธรรมชาติของรัสเซียลง 2 ใน 3 ในปีนี้
ในเมืองมาริอูโปล ประชาชนหลายแสนนคนต้องหลบภัยอยู่ในชั้นใต้ดินมานานกว่า 1 สัปดาห์ และในวันอังคาร (8 มี.ค.) หลายคนพยายามหลบหนีตามแนวกันชนด้านความปลอดภัย แต่ยูเครนอ้างว่าคนเหล่านี้ถูกรัสเซียยิงเข้าใส่
"ข้อตกลงหยุดยิงถูกละเมิด! ตอนนี้กองกำลังรัสเซียกำลังยิงปืนใหญ่ใส่แนวกันชนเพื่อมนุษยธรรมจากซาปอริซเซียถึงมาริอูโปล" โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครนกล่าวอ้าง ส่วนโฆษกของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ บอกว่าประชาชนกำลังไม่มีไฟฟ้าใช้ แหล่งพลังงานความร้อน อาหารและน้ำดื่ม กำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ในมาริอูโปลอยู่ในขั้นหายนะ"
รัสเซียเปิดแนวกันชนอีกแนว เปิดทางให้ประชาชนเดินทางออกจากเมืองซูมี ทางตะวันออกของยูเครน ถือเป็นการอพยพที่ประสบความสำเร็จชุดแรกผ่านทางเส้นทางแนวกันชนเพื่อความปลอดภัย
รายงานข่าวระบุว่า รถบัสหลายคันออกเดินทางจากเมืองซูมี ไปยังเมืองโพลตาวา ห่างออกไปทางทิศตะวันตก ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอ้างว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียโดนพื้นที่ชุมชนแห่งหนึ่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 21 ราย อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่ยืนยันข่าวนี้
นอกจากนี้ พวกชาวบ้านกำลังอพยพออกจากเมืองเออร์พิน แนวหน้าชานกรุงเคียฟเช่นกัน
สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตในยูเครนแล้ว 474 ราย และบาดเจ็บ 861 คน นับตั้งแต่ปฏิบัติการรุกรานเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่พวกเขาเชื่อว่าตัวเลขที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
เชอร์ฮิย์ โบลวินอฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจยูเครนอ้างว่ามีพลเรือนอย่างน้อย 27 คนเสียชีวิตในเหตุโจมตีเมืองคาร์คิฟของกองกำลังรัสเซียในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รัสเซียยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีการเล็งเป้าหมายไปที่พลเรือน และอ้างความเคลื่อนไหวของพวกเขาว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษ" เพื่อปลดอาวุธยูเครนและโค่นล้มเหล่าผู้นำที่พวกเขาเรียกว่า "นีโอนาซี" แต่ทางยูเครนและพันธมิตรตะวันตกเรียกมันว่าเป็นข้ออ้างที่ไร้เหตุผลสำหรับรุกรานประเทศแห่งนี้ที่มีประชากร 44 ล้านคน
(ที่มา : รอยเตอร์)
