ปูตินขอให้ยูเครนหยุดสู้แล้วยอมจำนน เดินหน้าถล่มหนักจนอพยพไม่ได้

การสู้รบต่อเนื่องขัดขวางความพยายามอพยพประชาชนราว 200,000 คนออกจากเมืองมาริอูโปลเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เดินหน้าปฏิบัติการโจมตี ซึ่งเขาบอกว่าจะเดินหน้าไปตามแผน จนกว่าเคียฟจะยอมจำนน

ผู้คนส่วนใหญ่ที่ติดอยู่ในเมืองท่าแห่งนี้ต้องหลับนอนในชั้นใต้ดิน หลบหนีระเบิดที่ตกใกล้ๆ มานานกว่า 6 วัน ในขณะที่เมืองแห่งนี้ถูกปิดล้อมโดยกองกำลังรัสเซีย ถูกตัดขาดจากอาหาร น้ำ ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงทำความร้อน จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ยูเครน

สหประชาชาติเปิดเผยในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ว่ามีพลเรือนเสียชีวิตทั่วยูเครนนับตั้งแต่มอสโกเริ่มปฏิติการรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ จำนวน 364 ราย ในนั้นเป็นเด็กมากกว่า 20 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคน

ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า การเสียชีวิตของพลเรือนส่วนใหญ่มีต้นตอจากการใช้อาวุธระเบิด ซึ่งก่อผลกระทบต่อพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง ในนั้นรวมถึงกระสุนปืนใหญ่และระบบจรวดหลายลำกล้อง ขีปนาวุธและการโจมตีทางอากาศ อย่างไรก็ตาม มอสโกยืนกรานปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้มีเป้าหมายเล่นงานพื้นที่พลเรือน

ในเออร์พิน เมืองแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากกรุงเคียฟไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 25 กิโลเมตร ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กกำลังพยายามหลบหนีการต่อสู้อย่างหนักในพื้นที่ จำเป็นต้องหลบหาที่กำบัง หลังมีการยิงขีปนาวุธโจมีบริเวณใกล้เคียง

ทหารและพวกชาวบ้านคนอื่นๆ ช่วยกันรีบพาคนชราขึ้นรถบัสที่เต็มไปด้วยประชาชนผู้ตื่นตระหนก บางรายคลานอยู่บนพื้นรถ ตอนที่รอรถออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่มีความปลอดภัย

ปฏิบัติการรุกรานเรียกเสียงประณามแทบเป็นอันหนึ่งเดียวกันจากทั่วทุกมุมโลก ชาวยูเครนมากกว่า 1.5 ล้านคนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ และกระตุ้นให้ตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างกว้างขวางเล่นงานรัสเซีย โดยมีเป้าหมายฉีกขาดเศรษฐกิจของพวกเขา

ปูตินเรียกร้องให้เคียฟหยุดต่อสู้ ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีตุรกี ในขณะที่ผู้นำตุรกีร้องขอให้ทำการหยุดยิง

ประธานาธิบดีปูติน บอกกับผู้นำตุรกี ด้วยว่าเขาพร้อมเจรจากับยูเครนและพันธมิตรต่างชาติ แต่เชื่อว่าความพยายามเตะถ่วงการเจรจาใดๆ จะประสบความล้มเหลว

สื่อมวลชนรัสเซียรายงานว่า ปูติน ยังได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส นานเกือบ 2 ชั่วโมง และ มาครงบอกกับปูตินไปว่าเขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการโจมตีโอเดสซา เมืองท่าเก่าแก่ของยูเครน ที่อาจเกิดขึ้นทุกขณะ

การประท้วงต่อต้านสงครามเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ในนั้นรวมถึงในรัสเซียเอง ซึ่งตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมไปมากกว่า 4,300 คน จากคำกล่าวอ้างของกลุ่มอิสระจับตาการประท้วง แต่ทางกระทรวงมหาดไทยบอกว่ามีผู้ประท้วงถูกจับกุม 3,500 ราย ในนั้น 1,700 รายในมอสโกและ 750 รายในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

ความเคลื่อนไหวประท้วงยังเกิดขึ้นตามเมืองหลวงต่างๆ ในบรรดาประเทศตะวันตก เช่นเดียวกับในอินเดียและคาซัคสถาน หลัง อเล็กเซ นาวาลนี ผู้วิพากษ์วิจารณ์เครมลินตัวยง ออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมประท้วงต่อต้านสงคราม

ในเมืองมาริอูโปล ที่ถูกปิดล้อม เจ้าหน้าที่เปิดเผยในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ว่าจะใช้ความพยายามครั้งที่ 2 ในการอพยพชาวบ้านบางส่วนจากทั้งหมด 400,000 คน แต่แผนหยุดยิงพังครืนลง เช่นเดียวกับวันเสาร์ (5 มี.ค.) ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวโทษกันและกัน


คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศบอกว่าความล้มเหลวในความพยายามอพยพประชาชนราว 200,000 คน ตอกย้ำให้เห็นว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่าง 2 คู่ขัดแย้งนั้น ขาดแคลนรายละเอียดและใช้การไม่ได้

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯบอกว่า อเมริกาพบเห็นรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือมากๆ ของการตั้งใจโจมตีใส่พลเรือนในยูเครน พร้อมระบุว่าวอชิงตันกำลังรวบรวมหลักฐานเหล่านี้เพื่อสนับสนุนองค์กรต่างๆ ในความเป็นไปได้ที่องค์กรเหล่านั้นจะดำเนินการสืบสวนความเป็นไปได้ที่ปฏิบัติการต่างๆ ของรัสเซียอาจเข้าข่ายก่ออาชญากรรมสงคราม

มอสโกเรียกการเปิดศึกครั้งนี้ว่าเป็น "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร" พร้อมบอกว่าไม่มีแผนยึดยูเครน

ขบวนรถมหึมาของรัสเซียที่อยู่ทางเหนือของกรุงเคียฟ ดูเหมือนมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แม้กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยแพร่คลิปวิดีโอในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) เป็นภาพยานยนต์ทหารบางส่วนกำลังเคลื่อนที่

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน บอกว่าจรวดของรัสเซียทำลายสนามบินพลเรือนในเมืองวินนีตเซีย เมืองเอกของภูมิภาคตะวันตกตอนกลาง ในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.)

ขณะเดียวกัน กองกำลังรัสเซียได้เปิดฉากยิงใส่ผู้ชุมนุมที่ออกมาประท้วงต่อต้านการรุกรานของเขาในเมืองโนวา คาคอฟกา ทางใต้ของยูเครนในวันอาทิตย์ (6 มี.ค.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ของยูเครน

องค์การอนามัยโลกบอกว่า มีการโจมตีใส่สถานบริการทางสุขภาพหลายแห่งระหว่างความขัดแย้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกผลักดันให้บริษัทต่างๆ มากมายถอนการลงทุนในรัสเซีย ในขณะที่ธนาคารบางแห่งของรัสเซียถูกตัดพ้นจากระบบชำระเงินนานาชาติ ฉุดให้ค่าเงินรูเบิลดำดิ่ง และบีบให้มอสโกต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างแรง

บลิงเคนบอกว่า สหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรปกำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย แต่เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของความมั่นคงของอุปทานพลังงานโลก

จนถึงตอนนี้ตะวันตกยังอดทนอดกลั้นไม่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานการส่งออกพลังงานของรัสเซียโดยตรง หลังจากน้ำมันพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี

กองทัพยูเครนอ้างว่าจนถึงตอนนี้มีทหารรัสเซียเสียชีวิตแล้วมากกว่า 11,000 นาย และเครื่องบินของรัสเซีย 88 ลำถูกยิงตก นับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของคำกล่าวอ้างดังกล่าว ในขณะที่ทางรัสเซียก็ไม่ได้อัปเดตตัวเลขความสูญเสียเป็นประจำ

สำนักข่าวทาสนิวส์อ้างโฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองกำลังทางอากาศของยูเครนแทบถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว โดยแค่ในช่วง 36 ชั่วโมงหลังสุด ยูเครนสูญเสียอากาศยานสู้รบ 11 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ แต่รอยเตอร์ยอมรับว่าไม่มีทางที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของคำกล่าวอ้างดังกล่าว

(ที่มา : รอยเตอร์)