รัสเซียและยูเครนในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการจัดตั้งแนวกันชนมนุษยธรรม เพื่อช่วยพลเรือนหลบหนีออกจากการรุกรานของมอสโกที่เข้าสู่วันที่ 8 แล้ว ในความคืบหน้าที่เห็นได้ชัดครั้งแรกของการเจรจาระหว่างสองฝ่าย ในขณะที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรลงโทษคว่ำบาตรชนชั้นปกครองของรัสเซียเพิ่มเติม
คาดหมายว่ามีผู้เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บแล้วหลายพันคน ในขณะที่ปฏิบัติการโจมตีต่อรัฐๆ หนึ่งของยุโรปครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อคลื่นผู้อพยพมากกว่า 1 ล้านคน ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจรัสเซีย และโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งที่อาจลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้
กองกำลังรัสเซียยังคงเดินหน้าปิดล้อมและโจมตีเมืองต่างๆ ของบยูเครน ในนั้นรวมถึงมาริลโพล เมืองท่าหลักทางภาคตะวันออกซึ่งถูกทิ้งบอมบ์ถล่มทางอากาศอย่างหนัก ไม่มีน้ำและไม่มีไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถอพยพผู้ได้รับบาดเจ็บได้
หลังการเจรจาในสถานที่ที่ไม่เปิดเผย รัสเซียระบุว่า "มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม" ส่วนทางยูเครนชี้ให้เห็นว่ามีความตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องช่วยเหลือประชาชนทั่วไป แต่ผลลัพธ์การเจรจาไม่ได้ออกมาในแบบที่เคียฟคาดหวังไว้
มิคฮาอิโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะระงับการสู้รบในสถานที่ที่กำหนดอย่างเจาะจง "มันไม่ใช่ทุกที่ แต่เฉพาะเพียงพื้นที่เหล่านี้ สถานที่ที่แนวกันชนด้านมนุษยธรรมจะถูกจัดตั้งขึ้น มันมีความเป็นไปได้ที่จะมีการหยุดยิง เพื่อความต่อเนื่องของการอพยพ" เขากล่าว
นอกจากนี้ โปโดลยัค เผยด้วยว่าทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันในด้านการจัดส่งยาและอาหารไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีการสู้รบอันดุเดือด พร้อมตกลงกันว่าจะมีการพบปะเจรจากันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ตะวันตกตอบโต้ปฏิบัติการรุกรานทางทหารของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหนักหน่วงต่อเครมลินและชาวรัสเซีย ผลลัพธ์จนถึงตอนนี้ พบเห็นผู้คนต่อแถวยาวเหยียดด้านนอกธนาคารต่างๆ ฉุดค่าเงินรูเบิลดำดิ่ง และโหมกระพือการถอนตัวออกมาของบรรดาบริษัทต่างชาติ
วันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) ทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร แถลงคว่ำบาตรชนชั้นสูงของรัสเซียเพิ่มเติม ยกระดับความหนักหน่วงของพวกเขาให้เทียบเท่ากรอบมาตรการคว่ำบาตรที่สหภาพยุโรปบังคับใช้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในนั้นรวมถึง อลิเชอร์ อุสมานอฟ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ผู้ก่อตั้งบริษัทเหมือง Metalloinvest
เยอรมนียึดเรือยอชต์หรูมูลค่าเกือบ 600 ล้านดอลลาร์ของมหาเศรษฐีรายนี้ ที่จอดอยู่ ณ อู่ต่อเรือแห่งหนึ่งในเมืองฮัมบูร์ก ขณะที่องค์การเศรษฐกิจของฮัมบูร์ก ระบุว่า พวกเขาไม่มีแผนส่งมอบเรือลำนี้คืนสู่เจ้าของ แต่ไม่ให้รายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินก็ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้กำหนดจำกัดวีซ่าชนชั้นสูงรัสเซีย 19 คนพร้อมครอบครัวและคนใกล้ชิด จากการเปิดเผยของทำเนียบขาว
ทหารยูเครน และพลเรือนยังคงเดินหน้าต้านทานการโจมตีของรัสเซีย และจนถึงวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) พวกเขายังคงสามารถรักษากรุงเคียฟ และเมืองหลักอื่นๆ เอาไว้ได้
สหประชาชาติเผยว่า ตอนนี้มีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนที่หลบหนีออกจากบ้าน ส่วนใหญ่หาทางลี้ภัยในโปแลนด์และประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ทางตะวันตก แต่พวกที่ยังอยู่นั้นต้องเผชิญการโจมตีด้วยกระสุนปืนใหญ่และระเบิด บ่อยครั้งตกในพื้นที่ชุมชน ส่งผลให้หลายพื้นที่ของคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน ซึ่งมีประชากร 1.5 ล้านคน ถูกถล่มจนเหลือแต่ซากปรักหักพัง
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน บอกก่อนหน้านี้ว่าอาจพบหนทางออกจากสงคราม หากว่ารัสเซียปฏิบัติกับยูเครนบนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียมกัน และเข้าสู่การเจรจาด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ส่วนในมอสโก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยกย่องทหารของเขาว่าเป็น "วีรชน" ในการปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ "ผมอยากบอกว่าปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารกำลังมีความคืบหน้าอย่างมั่นคงตามกรอบเวลา" เขากล่าว
พวกนักวิเคราะห์ด้านการทหารของตะวันตก เชื่อว่าแผนสู้รบของรัสเซียที่มีเป้าหมายรุกคืบและยึดครองกรุงเคียฟอย่างรวดเร็วประสบปัญหาสะดุด บีบให้บรรดาผู้บัญชาการกองทัพต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หลังจากกองกำลังจู่โจมหลัก ขบวนรถถังมหึมา สนับสนุนด้วยปืนใหญ่และโลจิสติกส์ หยุดชะงักบนทางหลวงสายหนึ่งด้านเหนือของกรุงเคียฟมานานหลายวัน
เจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งของสหรัฐฯ ระบุในกรุงวอชิงตัน ว่า ทหารรัสเซียยังคงอยู่ห่างจากใจกลางกรุงเคียฟราว 25 กิโลเมตร และยังคงอยู่รอบนอกเมืองหลวงแห่งนี้
ชะตากรรมของเมืองเคอร์ซอน เมืองท่าสำคัญทางตอนใต้ของยูเครนยังไม่เป็นที่ชัดเจน รถถังของรัสเซียเคลื่อนเข้าสู่เมืองแห่งนี้ในวันพุธ (2 มี.ค.) และมีรายงานว่าพวกเขาเข้ายึดได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่ายังคงมีการสู้รบกันอยู่และยังไม่พร้อมยอมรับว่ามันล่มสลายแล้ว
รัสเซียเปิดเผยเป็นครั้งแรกนับจากเข้าโจมตียูเครนว่า ทหารเกือบ 500 นายเสียชีวิต และบาดเจ็บเกือบ 1,600 นาย ทว่า เจ้าหน้าที่ทหารยูเครนโพสต์บนเฟซบุ๊กว่า รัสเซียสูญเสียทหารถึง 9,000 นาย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า ตัวเลขนี้รวมทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหรือไม่ และข้อมูลนี้ยังไม่เป็นที่ยืนยัน
(ที่มา : รอยเตอร์)