ราคาน้ำมันสหรัฐฯ ดีดตัวเหนือ 90 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 หลังอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมพุ่งสูง สวนทางอุปทานที่ยังตึงตัว ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ จากรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทแม่เฟซบุ๊ก ขณะที่ทองคำขยับลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 2.01 ปิดที่ 90.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ ปิดที่ 91.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ครั้งสุดท้ายที่สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต ขยับขึ้นเหนือ 90 ดอลลาร์ ต้องย้อนกลับไปในเดือนตุลาคม 2014 ส่วนเบรนต์เคยแตะระดับ 90 ดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อวันที่ 26 มกราคม
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายน 2020 ถึงขั้นซื้อขายในแดนลบช่วงสั้นๆ หลังจากอุปสงค์หวนคืนมาแล้ว แต่บรรดาผู้ผลิตยังคงป้อนอุปทานเข้าสู่ตลาดอย่างจำกัด
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน เช่นเดียวกับในตะวันออกกลาง ยังซ้ำเติมความกังวลทางอุปทานพลังงาน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ปิดลบหนัก โดยเฉพาะดัชนีแนสแดค หลัง เมตา บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก รายงานผลประกอบการอ่อนแอ ขณะที่วอลล์สตรีทหวนคืนสู่ขาลง ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะกระชับนโยบายทางการเงินสกัดเงินเฟ้อ
ดาวโจนส์ ลดลง 518.17 จุด (1.45 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,111.16 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 111.94 จุด (2.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,477.44 จุด แนสแดค ลดลง 538.73 จุด (3.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,878.82 จุด
หุ้นของเมตา ร่วงลงถึง 26.4% ในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) หลังจากเมื่อวันพุธ (2 ก.พ.) รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ปรากฏว่ากำไรต่ำกว่าคาด แถมจำนวนผู้ใช้รายวันยังลดลงเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ บริษัทแจงเป็นเพราะแอปเปิลเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว และการแย่งชิงลูกค้าดุเดือดเข้มข้นขึ้นจากคู่แข่งอย่างติ๊กต็อก
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน แต่ยังอยู่ในระดับเหนือกว่า 1,800 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 6.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,804.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)