รวดเร็วทันใจ! ไฟเซอร์เริ่มทดลองแล้ววัคซีนโควิดตัวกลายพันธุ์ 'โอมิครอน'

ไฟเซอร์ อิงค์ และไบออนเทค เอสอี เปิดเผยในวันอังคาร (25 ม.ค.) ได้เริ่มการทดลองทางคลินิกเพื่อทดสอบวัคซีนโควิด-19 เวอร์ชันใหม่ของพวกเขา ที่ออกแบบมาเล็งเป้าหมายรับมือตัวกลายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ ในขณะที่มันสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีน 2 เข็มดั้งเดิมได้บางส่วน

ในการทดลองกับบรรดาอาสาสมัครในสหรัฐฯ ทั้ง 2 บริษัทมีแผนทดสอบการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนที่สร้างบนพื้นฐานของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ทั้งในแง่ของการฉีด 3 เข็มแก่บุคคลที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีน และการฉีดในฐานะเข็มกระตุ้นแก่บุคคลที่รับวัคซีนดั้งเดิมครบ 2 เข็มแล้ว

นอกจากนี้ พวกเขากำลังทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างการฉีดวัคซีนปัจจุบันเข็มที่ 4 กับการฉีดเข็ม 4 วัคซีนที่สร้างบนพื้นฐานของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ในบุคคลที่รับวัคซีนเข็ม 3 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค มาเป็นเวลา 3 ถึง 6 เดือนก่อนหน้านี้

ทั้ง 2 บริษัทมีแผนศึกษาความปลอดภัยและความคงทนของวัคซีนในอาสาสมัครมากกว่า 1,400 คนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมในการทดลองครั้งนี้

เคธรีน แจนเซน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาวัคซีนของไฟเซอร์ระบุในถ้อยแถลงว่า "ในขณะที่การวิจัยในปัจจุบันและข้อมูลการใช้งานจริง แสดงให้เห็นว่าเข็มกระตุ้นยังคงมอบประสิทธิภาพการป้องกันระดับสูงจากการติดเชื้อโอมิครอนอาการรุนแรงและเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เราตระหนักถึงความจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในกรณีที่การป้องกันนี้ลดน้อยถอยลงเมื่อเวลาผ่านไป และเพื่อความเป็นไปได้ในการช่วยจัดการกับโอมิครอนและตัวกลายพันธุ์ใหม่อื่นๆ ในอนาคต"

อย่างไรก็ตาม ไบออนเทคยอมรับว่า ด้วยที่ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณข้อมูลการทดลองทางคลินิกตามข้อกำหนดของบรรดาผู้ควบคุมกฎระเบียบทั้งหลาย ดังนั้น จึงอาจเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดตัววัคซีนเฉพาะเจาะจงตัวกลายพันธุ์โอมิครอนภายในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ตามแผนที่วางเอาไว้ในปัจจุบัน

ไฟเซอร์เคยระบุว่า วัคซีนดั้งเดิม 2 เข็มอาจไม่เพียงพอสำหรับปกป้องการติดเชื้อโอมิครอน และประสิทธิภาพป้องกันการป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตอาจลดน้อยลง

กระนั้นก็ตาม ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า วัคซีน mRNA เข็ม 3 อย่างไฟเซอร์/ไบออนเทค มอบประสิทธิภาพการป้องกันถึง 90% ต่อการป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อโควิด-19

บางประเทศได้เริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพิ่มเติมแก่ประชาชนแล้ว แต่ผลการศึกษาหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้จากอิสราเอล พบว่า ในขณะที่วัคซีน mRNA เข็ม 4 ช่วยเพิ่มแอนติบอดี แต่ระดับของมันไม่สูงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อโอมิครอน

องค์การยาแห่งยุโรป (EMA) ระบุในวันศุกร์ (21 ม.ค.) ว่าคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบระหว่างประเทศต้องการเห็นข้อมูลการศึกษาทางคลินิกต่างๆ ดังเช่นที่ไฟเซอร์และไบออนเทคกำลังดำเนินการอยู่ แล้วถึงจะตัดสินใจอนุมัติวัคซีนใหม่หรือไม่

EMA ระบุว่า ผลการศึกษาเหล่านี้ต้องแสดงให้เห็นว่าวัคซีนใหม่สามารถก่อแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ไวรัสในเลือดได้มากกว่าวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน และอาจสามารถป้องกันตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลใหม่ๆ ได้ด้วย

บรรดานักวิทยาศาสตร์บางส่วนตั้งคำถามว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ "เป้าหมายของวัคซีนนี้คือป้องกันการป่วยหนัก" นายแพทย์พอล ออฟฟิต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียระบุ "จนถึงวันนี้ วัคซีนเหล่านี้ทำเช่นนั้น ในนั้นรวมถึงมอบการป้องกันตัวกลายพันธุ์โอมิครอน"

(ที่มา : รอยเตอร์)