สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ในวันจันทร์ (3 ม.ค.) อนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็ม 3 กับเด็กอายุ 12 ถึง 15 ปี และลดกรอบเวลาของการฉีดเข็มกระตุ้นลงจาก 6 เดือน เหลือ 5 เดือน ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีตัวกลายพันธุ์โอมิครอนเป็นตัวขับเคลื่อน
นอกจากนี้ หน่วยงานแห่งนี้ยังอนุมัติฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็ม 3 แก่เด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
การตัดสินใจของผู้ควบคุมกฎระเบียบแห่งนี้มีขึ้นท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงในสหรัฐฯ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอนของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมีขึ้นก่อนที่พนักงานและเด็กนักเรียนจำนวนมากจะกลับมาจากพักผ่อนวันหยุด เพิ่มความเป็นไปได้ที่ว่าคนไข้อาจล้นระบบสาธารณสุข
"บนพื้นฐานการประเมินข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันของเอฟดีเอ เข็มกระตุ้นของวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติในปัจจุบัน อาจช่วยมอบการป้องกันที่ดีขึ้นกับทั้งตัวกลายพันธุ์เดลตาและโอมิครอน" ปีเตอร์ มาร์คส์ ผู้อำนวยการศูนย์ประเมินและวิจัยชีววิทยาของเอฟดีเอกล่าว
รัฐบาลสหรัฐฯ เรียกร้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่อเมริกันชนและสำหรับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนก็ขอให้เข้ารับวัคซีน เนื่องจากพวกเขามีความเสี่ยงสูงกว่ามากในการติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิต
คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) มีกำหนดประชุมกันในวันพุธ (5 ม.ค.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ
เคสผูุ้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วง 7 วันหลังสุด เป็นเฉลี่ยแล้ว 418,000 คนต่อวัน จากการนับของรอยเตอร์ แม้จนถึงตอนนี้มีประชากรสหรัฐฯ ผู้มีสิทธิฉีดวัคซีน เข้ารับวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วน 62% และในนั้น 1 ใน 3 ฉีดเข็มกระตุ้นแล้วด้วย
นอกจากนี้แล้วข้อมูลของกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ยังเผยด้วยว่าปัจจุบันมีคนไข้โควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาล มากกว่า 103,000 คน เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน ที่ตัวเลขแตะระดับ 6 หลัก
จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆของสหรัฐฯ เคยแตะระดับสูงสุดมากกว่า 142,000 คนเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2021 และอยู่ในระดับเหนือ 100,000 คนครั้งสุดท้าย ย้อนกลับไปในวันที่ 11 กันยายน ก่อนต่อมาลดลงสู่ระดับราวๆ 45,000 คนในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ทว่านับตั้งแต่นั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ เอฟดีเอระบุว่า พวกเขาได้ทบทวนหลักฐานการใช้งานจริงจากอิสราเอล ในนั้นรวมถึงข้อมูลความปลอดภัยของเด็กอายุระหว่าง 12 ถึง 15 ปี มากกว่า 6,300 คน ที่ฉีดเข็มกระตุ้นวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค มาอย่างต่ำ 5 เดือน หลังจากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว
ซีดีซีอ้างอิงข้อมูลจากแอฟริกาใต้และสหราชอาณาจักร ระบุว่า วัคซีนเทคโนโลยี mRNA 2 เข็ม มีประสิทธิภาพราว 35% ในการรับมือกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน แต่เข็มกระตุ้นช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพของวัคซีนเป็น 75%
มาร์คส์ ระบุว่า เอฟดีเอจะพิจารณาฉีดเข็มกระตุ้นแก่เด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ หลังมีเด็กฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มมากกว่านี้ "จากที่ผมเห็นครั้งสุดท้าย มีเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ แค่ราวๆ 25% เท่านั้นที่ฉีดวัคซีน ดังนั้นมันจะดีกว่าหากมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนของกลุ่มอายุนี้มากกว่านี้ และจากนั้นเราจะได้รู้ว่าต้องใช้เวลาหลายเดือนแค่ไหนหลังจากนั้นที่เราจำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้นแก่พวกเขา"
เอฟดีเอ ตัดสินใจลดกรอบเวลาของการฉีดเข็มกระตุ้นลงจาก 6 เดือน เหลือ 5 เดือน เพื่อมอบประสิทธิภาพการป้องกันที่ดีขึ้นและเร็วขึ้นกับตัวกลายพันธุ์โอมิครอน อย่างไรก็ตามสำหรับวัคซีนของโมเดอร์นาแล้ว กรอบเวลาระหว่างเข็ม 2 กับเข็มกระตุ้นยังอยู่ที่ 6 เดือนเหมือนเดิม
ประเทศต่างๆ ในนั้นรวมถึงสหราชอาณาจักรและอิสราเอล ปรับลดกรอบเวลาของการฉีดเข็มกระตุ้นจากเดิม 6 เดือน เหลือเพียง 3 หรือ 4 เดือนหลังจากฉีดเข็ม 2
อย่างไรก็ตาม อาเมช อดัลจา นักวิชาการอาวุโสแห่งสถาบันความมั่นคงทางสุขภาพ มหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮ็อปกินส์ ไม่เชื่อว่าเข็มกระตุ้นมีความจำเป็นสำหรับคนส่วนใหญ่ เนื่องจากวัคซีนเข็ม 2 มีประสิทธิภาพเพียงพอป้องกันการติดเชื้อถึงขึ้นเข้าโรงพยาบาลหรืออาการหนักกับทุกคนอยู่แล้ว ยกเว้นแต่คนชรา
"ตอนที่ผมทำงานที่อยู่โรงพยาบาล ผมไม่เห็นคนไข้เข้ามารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะพวกเขาไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น ผมเห็นคนไข้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพราะว่าพวกเขาไม่ได้ฉีดเข็มแรกหรือยังไม่ได้ฉีดเข็ม 2" เขากล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)