ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงอาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลน้อยกว่าเมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์เดลตา อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่โอมิครอนแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก มันอาจทำให้ยังคงมีคนไข้จำนวนมากจำเป็นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จากการเปิดเผยของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.)
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นโดยสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UKHSA) พบว่า บุคคลหนึ่งๆที่ติดเชื้อโอมิครอนมีความเป็นไปได้ที่จะต้องเข้าแผนกฉุกเฉินน้อยลง 31% ถึง 45% เมื่อเทียบกับคนติดเชื้อเดลตา และมีความเป็นไปได้น้อยลง 50% ถึง 70% ที่อาจอาการหนักถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
เจนนี แฮร์รี ผู้บริหารสำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรระบุในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) วา "มันเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่สร้างกำลังใจ ส่งสัญญาณว่าคนที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนมีความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลต่ำกว่าผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์อื่นๆ" เธอกล่าว "อย่างไรก็ตาม มันควรถูกเน้นว่านี่เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นและจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการค้นพบนี้"
รายงานการวิเคราะห์ถูกเผยแพร่ออกมาในขณะที่สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวัน 119,789 ในวันพฤหัสบดี (23 ธ.ค.) ท่ามกลางการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
ผลการวิเคราะห์ของ UKHSA มีความไม่แน่นอนสูง เพราะว่าปัจจุบันยังมีเคสผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึงไม่มีเครื่องตรวจจับที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ และจำกัดเฉพาะในกลุ่มคนสูงวัย
อย่างไรก็ตาม ผลการค้นพบเป็นการเพิ่มเติมหลักฐานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความรุนแรงของตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และฮ่องกง สอดคล้องกับสัญญาณในแง่บวกต่างๆ ในผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอนเมื่อวันพุธ (22 ธ.ค.)
การแพร่เชื้อ ความรุนแรงของโรคและตัวกลายพันธุ์โอมิครอนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากวัคซีนได้หรือไม่ คือ 3 คำถามตัวโตที่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักไวรัสวิทยากำลังพยายามหาคำตอบ ขณะที่รัฐบาลต่างๆ กำลังประเมินว่าพวกเขาจำเป็นต้องใช้มาตรการอันไม่เป็นที่นิยม ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ ในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดหรือไม่
บางทีโอมิครอนอาจก่ออาการเจ็บป่วยเบากว่าเพราะว่าผู้คนฉีดวัคซีนแล้ว หรือมีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติจากการติดเชื้อก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่ไวรัสเปลี่ยนไปในทิศทางหนึ่งซึ่งก่ออาการเจ็บป่วยเบากว่าเดิม ทั้งนี้ คนหนุ่มสาวซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ก็ดูเหมือนจะมีความเสี่ยงอาการรุนแรงน้อยลงเช่นกัน
สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร ระบุว่า การปกป้องของวัคซีนต่อการติดเชื้อแบบแสดงอาการลดลง หลังจากฉีดเข็ม 2 และจากนั้นจะยกระดับขึ้นมาหลังฉีดเข็มกระตุ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลบ่งชี้ว่าภูมิคุ้มกันเพิ่มเติมสำหรับตัวกลายพันธุ์โอมิครอนนั้นจะเริ่มลดลงรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับเดลตา ลดลงจากช่วง 10 สัปดาห์หลังฉีดเข็มกระตุ้นราวๆ 15-25%
จนถึงวันจันทร์ (20 ธ.ค.) มีเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 132 ราย ในนั้น 40% รักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ในลอนดอน
ในบรรดาคนไข้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มีอยู่ 17 คนที่ฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว 74 คนฉีดครบ 2 เข็ม 8 คนเพิ่งฉีดเข็มแรก และ 27 คนยังไม่ฉีดวัคซีน ส่วนอีก 6 คนไม่ทราบสถานะวัคซีน
ขณะเดียวกัน มีผู้เสียชีวิต 14 คนภายใน 28 วันหลังได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อตัวหลายพันธุ์โอมิครอน เหล่านี้มีอายุตั้งแต่ 52 ถึง 96 ปี
นอกจากนี้ คนที่เคยติดเชื้อโควิดมาก่อนแล้วติดเชื้อโอมิครอนซ้ำก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ราว 9.5% ของเคสผู้ติดเชื้อโอมิครอนเคยติดโควิด-19 มาก่อน ซึ่ง UKHSA ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่มันจะต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เนื่องจากเคสผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้จำนวนมากไม่แสดงอาการและไม่ได้ถูกหยิบเอามาวิเคราะห์
(ที่มา : รอยเตอร์)