เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่รายวันของสเปน ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ในวันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) ด้วยจำนวนที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน 161,688 คน ท่ามกลางการระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก ขณะที่ชาติอื่นๆ ในยุโรป เช่น อิตาลี รัสเซีย ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักรก็กำลังเผชิญสถานการณ์เลวร้ายไม่ต่างกัน
ข้อมูลที่เผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขสเปน ระบุว่า ด้วยจำนวนเคสผู้ติดเชื้อ 161,688 คน ส่งผลให้วันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) กลายเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่เคสผู้ติดเชื้อใหม่ในสเปนทะลุ 100,000 คน
อัตราการติดเชื้อรอบ 14 วัน เพิ่มขึ้นเป็นเคสใหม่ 1,775 รายต่อประชากร 100,000 คน เพิ่มขึ้นจากระดับ 1,508 คนหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ในขณะที่แคว้นนาบาร์รา มีอัตราการติดเชื้อมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศถึง 2 เท่า
เจ้าหน้าที่สเปนเคยแสดงความภาคภูมิใจในความสำเร็จของโครงการแจกจ่ายวัคซีน ซึ่งจนถึงตอนนี้มีประชาชนทั่วประเทศแล้วมากกว่า 80% จากทั้งหมด 47 ล้านคน ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และในวันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถลงว่าได้ดำเนินการฉีดเข็มกระตุ้นให้แก่กลุ่มบุคคลอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วนแล้วมากกว่า 80%
ที่อิตาลีก็กำลังเผชิญระลอกการแพร่ระบาดหนักหน่วงเช่นกัน พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 126,888 คนในวันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) ทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่ เพิ่มขึ้นจากหนึ่งวันก่อนหน้านี้ถึง 30%
ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น แต่อิตาลีเคลื่อนไหวปรับลดระยะเวลาในการกักโรคของบุคคลที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และกำหนดข้อจำกัดใหม่ๆ สำหรับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน โดยใครก็ตามที่ฉีดเข็มกระตุ้น หรือฉีดครบ 2 เข็มแล้วในช่วง 4 เดือนหลังสุด ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักโรคอีกต่อไป แม้สัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลที่มีผลตรวจออกมาเป็นบวก
ขณะเดียวกัน คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนจะไม่มีสิทธิเดินทางด้วยรถบัส รถไฟ เครื่องบินหรือเรือข้ามฟาก เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวอิตาลีกลับจากวันหยุดคริสต์มาส นอกจากนี้ พวกเขายังถูกแบนจากกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ ในนั้นรวมถึงชมภาพยนตร์ ชมละครเวที และเข้าร้านทำผม ในขณะที่ปัจจุบันยังอนุญาตให้คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ แต่ต้องมีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นลบล่วงหน้า 24 ชั่วโมง
แม้เคสผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น แต่โรงพยาบาลต่างๆ ของอิตาลียังไม่ได้ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันในระดับเดียวกับครั้งเผชิญการแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านมา เนื่องจากเวลานี้มีประชาชนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วน 78% และ 1 ใน 3 เข้ารับเข็มกระตุ้นแล้ว
สำนักงานสถิติแห่งชาติรัสเซียระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในรัสเซียมากถึง 87,500 คนในเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นเดือนที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
มีประชาชนชาวรัสเซียเพียงแค่ 51% จากทั้งหมดเกือบ 146 ล้านคน ที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว แม้ประเทศแห่งนี้อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในประเทศ "สปุตนิก วี" ก่อนชาติอื่นๆ ทั่วโลก
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รัสเซียต้องเผชิญกับระลอกการแพร่ระบาดหนักหน่วง พบจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตทุบสถิติต่อเนื่อง และแม้สถานการณ์ดีขึ้นแล้วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ แต่เวลานี้เจ้าหน้าที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่อันมีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์โอมิครอน
ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวในกรุงปารีสจะถูกบังคับให้สวมหน้ากากยามอยู่กลางแจ้งเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (31 ธ.ค.) เป็นต้นไป ในขณะที่ฝรั่งเศสกำลังเจอกับระลอกการแพร่ระบาดที่มีโอมิครอนเป็นตัวขับเคลื่อน
ตำรวจปารีสระบุว่า มาตรการสวมหน้ากากจะบังคับใช้กับบุคคลอายุ 12 ปีขึ้นไป ทว่าจะมีข้อยกเว้นแล้วแต่กรณี ไม่ว่าจะเป็นตอนปั่นจักรยานหรือขับขี่รถจักรยานยนต์ เดินทางโดยยานพาหนะและออกกำลังกาย ทั้งนี้ หากใครฝ่าฝืนจะมีโทษปรับ 135 ยูโร (ราว 5,080 บาท)
ก่อนหน้านี้ ได้มีการบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากไปแล้วยามเข้าไปในห้างร้านต่างๆ สถานที่สาธารณะ อาคารราชการและระบบขนส่งสาธารณะในฝรั่งเศส
รัฐบาลฝรั่งเศสแถลงยกระดับมาตรการต่างๆ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ฝรั่งเศสรายงานพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวันถึง 208,099 คนในวันพุธ (29 ธ.ค.) และในวันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) ตัวเลขลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 206,243 ราย
ด้านสหราชอาณาจักร รายงานพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 189,213 คนในวันพฤหัสบดี (30 ธ.ค.) ทุบสถิติสูงสุดเช่นกัน เพิ่มขึ้นจาก 183,037 คนในวันพุธ (29 ธ.ค.) สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน และพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 332 ราย
ในขณะที่รัฐบาลบอกว่าตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอาจก่ออาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ แม้แพร่กระจายเชื้อได้ง่ายมาก แต่การที่มีเคสผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นกลายเป็นต้นเหตุแห่งความวุ่นวาย บริษัทเดินรถไฟต่างๆ ในสหราชอาณาจักรต้องยกเลิกการเดินรถไฟหลายขบวน เนื่องจากขาดแคลนหนักงาน และศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกถูกเลื่อนไปแล้วหลายนัด
(ที่มา : เอพี)