เคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันทั่วโลกทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดเมื่อวันจันทร์ (27 ธ.ค.) ก่อความปั่นปวนในฤดูกาลท่องเที่ยว ราว 1 ปีหลังจากเริ่มแจกจ่ายวัคซีนชุดแรกๆ และราว 2 ปีนับตั้งแต่มันปรากฏตัวเป็นครั้งแรก
ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกมากกว่า 1.44 ล้านคน ทุบสถิติเดิมก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากระลอกการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ค่าเฉลี่ยเคสผู้ติดเชื้อใหม่ในรอบ 7 วันจนถึงวันจันทร์ (27 ธ.ค.) อยู่ที่ 841,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 1 เดือนก่อนถึง 49%
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งพบครั้งแรกในภูมิภาคทางใต้ของทวีปแอฟริกา มีการกลายพันธุ์มากมายหลายตำแหน่งและเป็นตัวกลายพันธุ์ที่แพร่เชื้อได้ง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา มันกลายเป็นสายพันธฺุ์หลักของโลกอย่างรวดเร็ว สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีนและผ่านการติดเชื้อ
ผลการศึกษาต่างๆ บ่งชี้ว่า แม้โอมิครอนจะแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ก่อนหน้านี้มากกว่า 70 เท่า แต่มันอาจไม่ก่ออาการเจ็บป่วยรุนแรงเท่า โดยเฉพาะกับคนที่ฉีดวัคซีนแล้วและได้รับเข็มกระตุ้น กระนั้นก็ตามการแพร่เชื้อได้ง่ายและเคสผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นยังคงส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลชาติต่างๆ ได้ออกคำเตือนว่าเคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอาจพุ่งขึ้นหลังวันหยุดยาว ส่งเสียงเคร่งขรึมว่าโลกอาจกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ปีที่ 3 ของโรคระบาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ยังคงพอมีความหวังอยู่บ้าง เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รายวันไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตรอบ 7 วันทรงตัวอยู่ระดับราวๆ 7,000 คนต่อวันมาตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม แม้ตัวกลายพันธุ์ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งลดลงจากช่วงพีกสุดของการแพร่ระบาดที่มีตัวกลายพันธุ์เดลตาเป็นตัวขับเคลื่อน
แนวโน้มที่มุ่งหน้าสู่ปี 2022 ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เสียชีวิตตามหลังการติดเชื้อและจำนวนเคสผู้ติดเชื้อในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า หรือไม่ก็โอมิครอนผ่านการพิสูจน์แล้วว่าก่ออาการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อย ตามข้อมูลในโลกจริงที่จะค่อยๆ ปรากฏออกมาเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน เครื่องไม้เครื่องมือที่ดีขึ้นในการรับมือกับโรคระบาดใหญ่อาจเป็นส่วนหนึ่งในคำอธิบายเคสผูุ้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้นที่ถูกพบระหว่างระลอกการแพร่ระบาดของโอมิครอน ผลจากระบบติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและศักยภาพการตรวจเชื้อที่ดีกว่าเดิมทั่วโลก
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปแล้วอย่างน้อย 5,400,024 ราย นับตั้งแต่ปรากฏตัวครั้งแรกในจีนในเดือนธันวาคม 2019 จากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อบกินส์ อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลกคาดหมายว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ 2 ถึง 3 เท่า
สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมมากที่สุด ด้วยจำนวน 816,819 คน ตามมาด้วยบราซิล 618,448 คน อินเดีย 479,997 คนและรัสเซีย 305,155 คน
(ที่มา : บลูมเบิร์ก/เอเจนซี)