xs
xsm
sm
md
lg

ยุโรปเร่งสกัดโอมิครอน-ดัตช์ฟื้นล็อกดาวน์ ด้าน CNN สั่งปิดสำนักงานทุกแห่งในสหรัฐฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ขณะที่โควิด-19 กลับมาระบาดหนักในอังกฤษ  แต่ก็มีกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายร้อยคนออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านการฉีดวัคซีนและการใช้มาตรการวัคซีนพาสปอร์ต  ที่จัตุรัส พาร์เลียเมนต์ สแควร์ ในกรุงลอนดอน คืนวันเสาร์ (18 ธ.ค.)
ยุโรปเร่งควบคุมการระบาดของโควิด-19 ขณะคาดกันว่ากลางเดือนหน้า “โอมิครอน” อาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดภายในทวีปนี้ ทั้งนี้ เนเธอร์แลนด์สั่งล็อกดาวน์อีกรอบช่วงคริสต์มาส ขณะที่ลอนดอนประกาศ “อุบัติภัยหมู่” หลังจำนวนเคสใหม่และผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลยังพุ่งสูง สำหรับทางสหรัฐฯ มีรายงานว่าโทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็น สั่งปิดสำนักงานต่างๆ ในอเมริกา โดยพนักงานที่ไม่มีความจำเป็นให้ทำงานจากบ้าน สืบเนื่องจากเคสผู้ติดเชื้อโควิดกลับเพิ่มสูงขึ้นอีก

เออรซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป กล่าวเตือนในวันเสาร์ (18 ธ.ค.) ว่า เมื่อถึงช่วงกลางเดือนมกราคม ตัวกลายพันธุ์โอมิครอนอาจกลายเป็นสายพันธุ์หลักของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในการระบาดในภูมิภาค

ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาร์ต รึตเตอ ของเนเธอร์แลนด์ ประกาศเมื่อวันเสาร์ (18) เช่นกันว่า ประเทศของเขาจะกลับมาบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ (19) โดยร้านค้าที่ไม่จำเป็นทั้งหมด สถานที่ทางวัฒนธรรมและความบันเทิงจะปิดให้บริการจนกว่าจะถึงวันที่ 14 มกราคม ส่วนโรงเรียนจะปิดอย่างน้อยจนถึงวันที่ 9 เดือนหน้า

ส่วนที่ลอนดอน นายกเทศมนตรีซาดิก ข่าน ประกาศ “อุบัติภัยหมู่” เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลประสานงานใกล้ชิดขึ้นและอาจปูทางให้รัฐบาลเพิ่มการสนับสนุน ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในลอนดอนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเกือบ 30% โดยที่คาดว่ากว่า 80% ของจำนวนเคสใหม่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอน

สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักรแถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนทั่วประเทศเมื่อวันศุกร์ (17) เพิ่มขึ้นเกือบ 25,000 คน หรือมากกว่าวันก่อนหน้า (16) เกิน 10,000 คน นอกจากนั้น ในวันพฤหัสฯ (16) ยังพบผู้เสียชีวิต 7 คนที่เชื่อว่าติดโอมิครอน

กลุ่มที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉินของอังกฤษกล่าวระหว่างการประชุมเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า หากไม่เพิ่มกฎควบคุมโควิด จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจะพุ่งสูงสุดที่วันละ 3,000 คน เทียบกับสถิติสูงสุดที่กว่า 4,000 คนในเดือนมกราคมที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน เยอรมนีประกาศเพิ่มอังกฤษในรายชื่อประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเกี่ยวกับการระบาดของโควิด จากที่ก่อนหน้านี้มีฝรั่งเศสและเดนมาร์ก นอกจากนั้น ยังเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันอาทิตย์ กล่าวคือผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษจะต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการนาน 2 สัปดาห์ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม

สำหรับฝรั่งเศส คณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์แนะนำให้รัฐบาลบังคับใช้มาตรการจำกัดที่สำคัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ และปารีสประกาศยกเลิกกิจกรรมเฉลิมฉลองทั้งหมดบริเวณชองส์เอลิเซ่

ด้านไอร์แลนด์สั่งให้บาร์และร้านอาหารปิดให้บริการตั้งแต่ 20.00 น. ส่วนเดนมาร์กปิดโรงภาพยนตร์และสถานที่อื่นๆ

นอกจากนั้น หลายประเทศในภูมิภาคนี้ยังเร่งรัดการฉีดวัคซีนกระตุ้นและขยายโครงการฉีดวัคซีนไปยังกลุ่มเด็ก

โปรตุเกสเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนฝรั่งเศสจะเริ่มฉีดวันพุธที่จะถึง (22)

อย่างไรก็ตาม ศูนย์เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (อีซีดีซี) เตือนว่า ลำพังการฉีดวัคซีนไม่สามารถสกัดการระบาดได้ แต่แนะนำเพิ่มเติมให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกัน ทำงานจากที่บ้าน และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เพื่อช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะสั้น

สถานการณ์ทั่วโลกยังน่ากังวลอย่างยิ่ง โดยเอเอฟพีระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแอฟริกาในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นถึง 57%

ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิป เออร์โดอันของตุรกี กล่าวในงานประชุมผู้นำและเจ้าหน้าที่แอฟริกาเมื่อวันเสาร์ว่า อัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำของแอฟริกาถือเป็นความน่าอับอายของมนุษยชาติ พร้อมให้คำมั่นว่า จะจัดส่งวัคซีนให้ภูมิภาคนี้ 15 ล้านโดส

(ภาพจากแฟ้ม) ศูนย์ซีเอ็นเอ็น ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐฯ (ภาพจากวิกิมีเดีย คอมมอนส์)
ซีเอ็นเอ็นสั่งปิดสำนักงานในสหรัฐฯ

ทางด้านสหรัฐฯ โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นออกคำสั่งปิดสำนักงานต่างๆ ของตนในสหรัฐฯ โดยพนักงานที่ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าออฟฟิศให้ทำงานจากบ้าน ทั้งนี้ตามบันทึกภายในที่ซีเอ็นเอ็นส่งถึงพนักงานเมื่อวันเสาร์ (18) และสำนักข่าวรอยเตอร์ได้อ่าน

ในบันทึกภายในฉบับดังกล่าว ซีเอ็นเอ็นซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของแผนวอร์เนอร์มีเดีย ในเครือเอทีแอนด์ทีอิงค์ บอกว่าจะปิดสำนักงานแห่งต่างๆ ไม่ให้พนักงานลูกจ้างทั้งหมดที่ไม่จำเป็นต้องทำงานในสำนักงานเข้าไป

เจฟฟ์ ซัคเกอร์ ประธานบริหารของซีเอ็นเอ็น กล่าวในบันทึกภายในว่า ต้องทำเช่นนี้เนื่องจากต้องระมัดระวังตัวให้มากเข้าไว้ รวมทั้งจะเป็นการปกป้องพวกที่ยังต้องทำงานอยู่ในสำนักงาน

ขณะเดียวกัน พนักงานลูกจ้างที่จำเป็นต้องเข้าสำนักงานจะต้องสวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลา นอกจากนั้น ซีเอ็นเอ็นจะปรับเปลี่ยนห้องสตูดิโอและห้องควบคุมต่างๆ ของตนเพื่อลดจำนวนผู้ที่ต้องอยู่ในสำนักงานให้เหลือน้อยที่สุด

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น