รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโธนี บลิงเคน เริ่มการเยือน 3 ประเทศอาเซียนในวันอังคาร (14 ธ.ค.) โดยประกาศยุทธศาสตร์อเมริกันที่จะกระชับสัมพันธ์ชาติพันธมิตร พร้อมเสนอเพิ่มความร่วมมือด้านการทหารและข่าวกรองในอินโด-แปซิฟิก ขณะเดียวกัน ก็โจมตีเล่นงานปักกิ่งด้วยการเรียกร้องให้จีนหยุดการกระทำก้าวร้าวในภูมิภาคนี้
ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียเมื่อวันอังคาร (14) ก่อนจะเดินทางมายังมาเลเซียและไทย บลิงเคน ไปพูดที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา ว่า อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตมากที่สุดของโลก และทุกประเทศต่างมีเดิมพันในการรับประกันสถานะเดิมเอาไว้โดยปราศจากการข่มขู่คุกคาม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขากำลังมุ่งพาดพิงโจมตีจีน
บลิงเคน เสริมว่า อเมริกา พันธมิตร และบางประเทศที่อ้างสิทธิในทะเลจีนใต้จะต่อต้านการกระทำผิดกฎหมายใดๆ ที่เกิดขึ้น และจะร่วมมือกันปกป้องกฎกติกาที่ร่วมกันสร้างมาเมื่อหลายทศวรรษก่อนเพื่อให้ภูมิภาคนี้ยังคงเปิดกว้างและปกป้องสิทธิของทุกประเทศในการเลือกทางเดินของตัวเอง
“มีความกังวลเกิดขึ้นตั้งแต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตั้งแต่แม่น้ำโขงจนถึงหมู่เกาะในแปซิฟิกเกี่ยวกับการกระทำที่ก้าวร้าวของจีน
โดยที่เขาพูดถึงพฤติกรรม “การอ้างสิทธิเหนือทะเลเปิด การบิดเบือนกลไกตลาดด้วยการอุดหนุนรัฐวิสาหกิจ การปฏิเสธสินค้าส่งออกหรือยกเลิกข้อตกลงที่มีอยู่กับประเทศที่มีนโยบายขัดแย้งกับตน”
บลิงเคน สำทับว่า ประเทศต่างๆ ทั่วภูมิภาครวมทั้งอเมริกาต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเช่นนี้ และวอชิงตันตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะรับประกันเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ พร้อมระบุว่า การกระทำในเวลานี้ของปักกิ่งเป็นการคุกคามการขนส่งสินค้าปีละกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ผ่านเส้นทางดังกล่าว
ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด แม้มีบางประเทศอ้างสิทธิในน่านน้ำบางส่วนเช่นเดียวกัน และแม้ศาลระหว่างประเทศเคยมีคำตัดสินว่า คำกล่าวอ้างของจีนไม่มีกฎหมายรองรับก็ตาม
การเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบลิงเคนครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของเขาตั้งแต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม และมีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคนี้หลังจากช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนภายใต้คณะบริหารชุดที่แล้วของโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ดี แม้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ตึงเครียด แต่อิทธิพลของปักกิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลับแผ่ขยายออกไปในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยผ่านการทุ่มลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและความสัมพันธ์ทางการค้าในเอเชีย-แปซิฟิก ขณะที่อเมริกาปราศจากยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคนี้
บลิงเคน บอกว่า อเมริกาจะกระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรที่มีสนธิสัญญาระหว่างกัน ซึ่งได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งจะส่งเสริมศักยภาพด้านการป้องกันประเทศและข่าวกรองกับหุ้นส่วนในอินโด-แปซิฟิก ตลอดจนถึงปกป้องระบบอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างและปลอดภัย
กระนั้น เขาย้ำว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันกันระหว่างการสร้างภูมิภาคนี้ที่มีอเมริกาเป็นศูนย์กลาง กับการสร้างภูมิภาคที่มีจีนเป็นศูนย์กลาง
ในเรื่องอื่นๆ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ สำทับว่า วอชิงตันจะเดินหน้ากดดันรัฐบาลทหารในพม่าให้ยุติความรุนแรง ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุม และฟื้นระบอบประชาธิปไตยบนพื้นฐานความหลากหลาย
นอกจากนี้ อเมริกายังมุ่งมั่นกับกรอบโครงเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่ครอบคลุมปริมณฑลใหม่ๆ ซึ่งจะรวมถึงการเพิ่มการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของอเมริกา และโอกาสใหม่ๆ สำหรับบริษัทอเมริกันในภูมิภาคนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียด รวมทั้งวอชิงตันยังไม่เคยระบุชัดเจนเกี่ยวกับกรอบโครงเศรษฐกิจนี้แต่อย่างใด
บลิงเคน ทิ้งท้ายว่า อเมริกาจะส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานและปิดช่องโหว่ด้านโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคนี้ ซึ่งรวมถึงท่าเรือ ถนน เครือข่ายกระแสไฟฟ้า และอินเทอร์เน็ต
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)