นายกฯ ญี่ปุ่นประกาศเสริมสร้างสมรรถนะการป้องกันประเทศ ซึ่งอาจรวมถึงความสามารถในการโจมตีฐานทัพของศัตรูด้วย เพื่อรับมือความก้าวร้าวของจีนและพฤติกรรมที่ไม่อาจคาดเดาได้ของเกาหลีเหนือ
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ประกาศจุดยืนด้านกลาโหมดังกล่าวระหว่างกล่าวปราศรัยเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเมื่อวันจันทร์ (6 ธ.ค.) เพื่อพิจารณาผ่านร่างงบประมาณฉบับเพิ่มเติมสำหรับรองรับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19
นอกเหนือจากแถลงในส่วนเกี่ยวกับเศรษฐกิจแล้ว คิชิดะพูดในส่วนนโยบายความมั่นคง โดยระบุว่า ญี่ปุ่นจะทำให้รูปทรงการป้องกันประเทศของตนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยการพิจารณาตัวเลือกต่างๆ โดยรวมถึงการจัดหาสมรรถนะในการโจมตีฐานทัพของศัตรู
“เพื่อที่จะปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เราจะตรวจสอบทางเลือกต่างๆ ทั้งหมด รวมไปถึงสมรรถนะในการโจมตีฐานทัพของศัตรู ... และเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่รูปทางการป้องกันของเราโดยพื้นฐานด้วยความสำนึกถึงความรวดเร็ว” คิชิดะ บอก
ถ้าญี่ปุ่นครอบครองสมรรถนะเช่นนี้จริงๆ จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญทางด้านทางการทหาร เนื่องจากที่ผ่านมา ญี่ปุ่นถูกกำหนดภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้สามารถรับบทเป็น “โล่” ในการเป็นพันธมิตรความมั่นคงกับอเมริกา ขณะที่วอชิงตันรับหน้าที่เป็น “หอก”
แนวคิดการครอบครองสมรรถนะเพื่อการโจมตีฐานทัพของข้าศึกเช่นนี้ ได้รับการนำเสนอโดยรัฐบาลของญี่ปุ่นหลายชุดที่ผ่านมา และคิชิดะสนับสนุนแนวคิดนี้ในตอนลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคลิเบอรัลเดโมเครติกปาร์ตี้ (แอลดีพี) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลเมื่อเดือนกันยายน ขณะที่ขีปนาวุธของประเทศต่างๆ มีความสามารถหลบเลี่ยงระบบสกัดกั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเพิ่มศักยภาพด้านกลาโหม คิชิดะประกาศด้วยว่าภายในเวลา 1 ปี รัฐบาลของเขาจะจัดทำเอกสารหลักๆ ว่าด้วยนโยบายความมั่นคงแห่งชาติขึ้นมาใหม่ทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ คำชี้แนะเกี่ยวกับโครงการกลาโหมแห่งชาติ และโครงการกลาโหมในระยะกลาง
(ที่มา : รอยเตอร์)