รัสเซียเมื่อวันจันทร์ (13 ธ.ค.) ระบุบางทีอาจจำเป็นต้องประจำการขีปนาวุธพิสัยปานกลางในยุโรป ตอบโต้สิ่งที่พวกเขาเล็งเห็นว่านาโต้กำลังมีแผนดำเนินการแบบเดียวกัน
คำเตือนของเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เพิ่มความเสี่ยงของการแข่งขันสะสมอาวุธรอบใหม่ในทวีป ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างตะวันออกกับตะวันออกดำดิ่งสู่จุดเลวร้ายสุดนับตั้งแต่สงครามเย็นสิ้นสุดลงเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน
รยาบคอฟ ระบุว่า รัสเซียจะถูกบีบให้ต้องดำเนินการ หากว่าตะวันตกปฏิเสธเข้าร่วมกับมอสโกในสนธิสัญญากองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง (intermediate-range nuclear forces หรือ INF) ในยุโรป ส่วนหนึ่งของแพกเกจรับประกันด้านความมั่นคง ที่รัสเซียกำลังเสาะหาในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลสำหรับการปลดชนวนวิกฤตเกี่ยวกับยูเครน
การปราศจากความคืบหน้าใดๆ ในความพยายามฝ่าทางตันทางการเมืองและการทูต จะทำให้รัสเซียต้องตอบโต้ในแนวทางด้านการทหาร ด้วยเทคโนโลยีทางทหาร รยาบคอฟ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอ "ซึ่งนั่นก็คือ มันจะเป็นการเผชิญหน้า มันจะเป็นยกต่อไป" เขากล่าว อ้างถึงความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะประจำการขีปนาวุธ
อาวุธนิวเคลียร์พิสัยปานกลาง ซึ่งมีระยะทำการระหว่าง 500 ถึง 5,500 กิโลเมตร เป็นสิ่งต้องห้ามในยุโรปภายใต้สนธิสัญญาปี 1987 ระหว่างมิฮาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียต ณ ขณะนั้น กับโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสิ่งที่ได้รับการยกย่องในช่วงเวลาดังกล่าวว่าเป็นการปลดชนวนความตึงเครียดครั้งสำคัญแก่สงครามเย็น โดยในช่วงปี 1991 ทั้งสองฝ่ายทำลายขีปนาวุธพิสัยปานกลางรวมกันเกือบๆ 2,700 ลูก
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญาดังกล่าวในปี 2019 หลังคร่ำครวญมานานหลายปีว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลง ด้วยการประจำการขีปนาวุธร่อนยิงจากภาคพื้น ที่มอสโกใช้ชื่อว่า 9M729 แต่นาโต้เรียกว่า "สกรูไดรเวอร์"
เกอร์ฮาร์ด แมนกอตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศรัสเซียและควบคุมอาวุธแห่งมหาวิทยาลัยอินน์สบรูค ในออสเตรีย ให้ความเห็นว่า หากนาโต้พูดถูกกรณีที่รัสเซียประจำการระบบอาวุธนี้ในส่วนยุโรปของประเทศมาพักใหญ่แล้ว บริเวณเทือกเขาอูราล เมื่อนั้นคำขู่ของ รยาบคอฟ ก็ไม่ได้มีความหมายใดๆ
แต่หากคำปฏิเสธของรัสเซียเป็นเรื่องจริง แมนกอตต์ มองว่า เมื่อนั้นคำเตือนของมอสโกก็คือการส่งสัญญาณครั้งสุดท้ายไปยังนาโต้ ว่าพวกเขาควรเข้าสู่โต๊ะเจรจากับรัสเซียเกี่ยวกับสนธิสัญญาที่ถูกพักมานาน
เขาบอกด้วยว่า "หากนาโต้ยึดมั่นในจุดยืนไม่เจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง เมื่อนั้นแน่นอนว่าเราจะเห็นรัสเซียประจำการขีปนาวุธสกรูไดรเวอร์ ตามแนวชายแดนทางตะวันตกไกลของประเทศ"
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รยาบคอฟ ปรากฏตัวในฐานะหนึ่งในผู้ส่งสารสำคัญของมอสโก ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เดินหน้ากดดันขอคำรับประดันความมั่นคงจากตะวันตก ในขณะที่พวกเขาเจอเสียงเตือนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรให้ถอยหลังกลับจากความเป็นไปได้ที่จะรุกรานยูเครน ข้อกล่าวหาที่รัฐมนตรีรายนี้ปฏิเสธอีกครั้งว่ารัสเซียไม่มีเจตนาเช่นนั้น
เขาย้ำคำพูดของตนเองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เปรียบเทียบสถานการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบันกับวิกฤตขีปนาวุธคิวบาในปี 1962 ซึ่งผลักสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตอยู่บนขอบเหวแห่งสงครามนิวเคลียร์
รยาบคอฟ กล่าวอ้างว่ามี "สิ่งบ่งชี้อ้อมๆ" ว่านาโต้กำลังขยับเข้าใกล้กลับมาประจำการขีปนาวุธพิสัยปานกลาง ในนั้นรวมถึงการคืนชีพกองบัญชาการปืนใหญ่ที่ 56 (56th Artillery Command) ซึ่งเคยเป็นกองกำลังที่ปฏิบัติการขีปนาวุธศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ Pershing ในสมัยสงครามเย็น
นาโต้ระบุว่าจะไม่มีขีปนาวุธใหม่ๆ ของสหรัฐฯในยุโรป และพร้อมป้องปรามขีปนาวุธใหม่ๆของรัสเซียด้วยมาตรการตอบโต้ ที่จะไม่ใช่แค่อาวุธธรรมดาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม รยาบคอฟ ยืนยันว่ารัสเซียไม่ไว้วางใจในนาโต้แม้แต่นิดเดียว
(ที่มา : รอยเตอร์)