xs
xsm
sm
md
lg

หนุนเต็มที่รับมือจีน!สหรัฐฯส่งคณะส.ส.เดินทางเยือนไต้หวันครั้งที่2ในรอบเดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาชิก 5 คนของสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯเดินทางถึงไต้หวันเมื่อวันพฤหัสบดี(25พ.ย.) สำหรับทริปเยือนสั้นๆ ที่คาดหมายว่าจะมุ่งเน้นในประเด็นความมั่นคง ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนที่สมาชิกสภาคองเกรสอเมริกาเดินทางมาเยือนเกาะแห่งนี้ ที่เชื่อว่าจะก่อความขุ่นเคืองแก่จีนเช่นเคย

การเดินทางครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่จีนยกระดับกดดันทางทหารและทางการเมือง ยืนยันคำกล่าวอ้างมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งโหมกระพือความไม่พอใจแก่รัฐบาลไทเป ที่ประกาศปกป้องเสรีภาพและประชาธิปไตยของไต้หวัน

สถานทูตสหรัฐฯโดยพฤตินัยในไต้หวัน ระบุว่าคณะผู้แทนชุดนี้ประกอบด้วย มาร์ค ทาคาโน ประธานคณะกรรมาธิการกิจการทหารผ่านศึกของสภาผู้แทนราษฏร, โคลิน อัลล์เรด, เอลิสซา สลอตคิน, ซารา จาค็อบส์และแนนซี เมค ซึ่งทั้งหมดมีกำหนดเดินทางกลับในวันศุกร์(26พ.ย.)

"ผู้แทนของสภาคองเกรสจะพบปะกับพวกผู้นำระดับสูงของไต้หวันเพื่อหารือในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน ความมั่นคงในภูมิภาคและประเด็นสำคัญๆอื่นๆที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน" ถ้อยแถลงระบุ

สำนักข่าวกลางของไต้หวันรายงานก่อนหน้านี้ คาดหมายว่าการเดินทางเยือนครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่การประชุมร่วมกับบรรดาเจ้าหน้าที่กลาโหม และประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน

ทำเนียบประธานาธิบดีของไช่ อิงเหวิน ระบุว่าการเดินทางมาเยือนของคณะผู้แทนสหรัฐฯ เป็นอีกครั้งที่แสดงถึงความเข้มแข็งในความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับอเมริกา

ปัจจุบันสมาชิกสภาคองเกรสทั้ง 5 คน อยู่ระหว่างการเยือนเอเชียตะวันออกในทริปวันขอบคุณพระเจ้า โดยนอกจากไต้หวันแล้ว พวกเขายังเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ด้วย

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนที่ส.ส.อเมริกาเดินทางมาเยือนไต้หวัน

กองทัพจีนได้ดำเนินการฝึกความพร้อมในการรบในทิศทางที่มุ่งหน้าสู่ช่องแคบไต้หวันเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา หลังจากกระทรวงกลาโหมปักกิ่งประณามการมาเยือนไต้หวันของคณะผู้แทนสภาคองเกรสชุดหนึ่ง ที่เดินทางมาไทเปด้วยเครื่องบินทหาร

สหรัฐฯเหมือนกับประเทศอื่นๆเกือบทั้งหมดที่ไม่มีความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน แต่อเมริกาคือผู้สนับสนุนระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดและผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ของเกาะแห่งนี้ที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จุดยืนที่สร้างความขุ่นเคืองแก่ปักกิ่ง

(ที่มา:รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น