ราคาน้ำมันทรงตัวในวันพุธ(24พ.ย.) นักลงทุนตั้งข้อสงสัยประสิทธิผลมาตรการปล่อยคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ที่นำโดยสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตตรีทปรับลดท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆนานา ขณะที่ทองคำขยับขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 11 เซนต์ ปิดที่ 78.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 6 เซนต์ ปิดที่ 82.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สหรัฐฯเปิดเผยว่าจะปล่อยคลังน้ำมันดิบสำรองทางยุทธศาสตร์ ภายใต้ความร่วมมือกับจีน อินเดีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร ในความพยายามฉุดราคาน้ำมัน หลังโอเปกพลัสไม่ยอมปรับเพิ่มกำลังผลิต
อย่างไรก็ตามผู้อำนวยการทบวงพลังงานสากลระบุในวันพุธ(24พ.ย.) ว่ามีบางประเทศที่มีจุดยืนที่ไม่เป็นประโยชน์ในแง่ของราคาน้ำมันและก๊าซ พร้อมบอกว่าเสบียงน้ำมันมีไม่มากพอที่จะเข้าถึงผู้บริโภค
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(24พ.ย.) ปิดผสมผสาน หลังรัฐบาลอเมริกาเผยแพร่ข้อมูลต่างๆนานาที่เผยให้เห็นว่ายอดผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานใหม่ลดลงอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อสินค้าคงทนอ่อนแอเกินคาด
ดาวโจนส์ ลดลง 9.42 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,804.38 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 10.76 จุด (0.23 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,710.46 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 70.09 จุด (0.44 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,845.23 จุด
นักลงทุนจับจ้องไปที่รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯที่เผยให้เห็นว่าจำนวนผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่รายสัปดาห์ ลดลงต่ำกว่าช่วยก่อนหน้าเกิดโรคระบาดใหญ่โควิด-19 และต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ แม้พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่ามันเป็นผลของการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลของข้อมูล
ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่าคำสั่งซื้อสินค้าคงทนลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนตุลาคม แต่รายงานพบว่าส่วนใหญ่แล้วมีผลมาจากความอ่อนแอในภาคการบิน ส่วนภาคการผลิตอื่นๆนั้นแข็งแกร่ง
ด้านราคาทองคำในวันพุธ(24พ.ย.) ปิดบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน ก่อนหน้าวันขอบคุณพระเจ้า โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ ปิดที่ 1,784.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)