ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันจันทร์(1พ.ย.) ท่ามกลางควาามคาดหมายอุปสงค์แข็งแกร่ง ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกเล็กน้อย จากรายงานผลประกอบการบริษัทและจับตาผลประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ ปัจจัยหลังนี้ดันทองคำเคลื่อนไหวในแดนบวกเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ ปิดที่ 84.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ ปิดที่ 84.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ผลสำรวจของรอยเตอร์พบนักวิเคราะห์คาดหมายว่าราคาน้ำมันน่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับใกล้ๆ 80 ดอลลาร์ไปจนถึงสิ้นปี ท่ามกลางภาวะอุปทานตึงตัว และราคาแก๊สที่สูงขึ้น ผลักให้หันเข้าหาน้ำมันดิบสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงก่อกำเนิดไฟฟ้า
นอกจากนี้แล้วผลการสำรวจของรอยเตอร์อีกฉบับ พบว่าโอเปกเพิ่มกำลังผลิตในเดือนตุลาคม แต่น้อยกว่าแผนปรับเพิ่มกำลังผลิตภายใต้ข้อตกลงกับพันธมิตร ความไม่เต็มใจของบรรดาผู้ผลิตชาติเล็กๆบางส่วน บ่อนทำลายความพยายามเพิ่มอุปทานของซาอุดีอาระเบียและอิรัก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์(1พ.ย.) ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการบริษัท ก่อนมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆ ขณะเดียวกันก็จับตาที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 94.28 จุด (0.26 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,913.84 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.29 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,613.67 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 97.53 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,595.92 จุด
นักลงทุนยังคงพึงพอใจต่อรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่แล้วออกมาดีเกินคาดหมาย และในสัปดาห์นี้จะถึงคิวของ ไฟเซอร์ มาร์ริออตต์ อินเตอร์เนชันแนลและอื่นๆ เช่นเดียวกับรายงานการจ้างงานประจำเดือนตุลาคมของสหรรัฐฯ ซึ่งคาดหมายว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้แล้วนักลงทุนยังจับตาที่ประชุม 2 วันของคณะกรรมการกำหนดนโยบายธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งจะปิดฉากด้วยถ้อยแถลงในวันพุธ(3พ.ย.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าเฟดจะเริ่มต้นถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์(1พ.ย.) ปิดบวกแรง นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 11.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,795.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์/เอเอฟพี)