ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันศุกร์ (5 พ.ย.) หลังโอเปกพลัสปฏิเสธเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ ในการเร่งเพิ่มกำลังผลิต ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกได้แรงหนุนจากข้อมูลการจ้างงาน ขณะที่ทองคำดีดตัวเหนือ 1,800 ดอลลาร์ กังวลภาวะเงินเฟ้อ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.46 ดอลลาร์ ปิดที่ 81.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
โอเปกและพันธมิตรในนั้นรวมถึงรัสเซีย หรือที่เรียกว่าโอเปกพลัส เห็นพ้องกันเมื่อวันพฤหัสบดี (4 พ.ย.) ว่าจะยึดตามแผนเพิ่มกำลังผลิตอีก 400,000 บาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม เมินเรียกเรียกร้องของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ขอให้ยกระดับกำลังผลิตเพิ่มเติม เพื่อสกัดราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูงขึ้น
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (5 พ.ย.) ปิดบวกพอสมควร ดัชนีหลักทั้ง 3 ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากข้อมูลการจ้างงานอันแข็งแกร่ง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 203.72 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 36,327.95 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 17.47 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,697.53 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 31.28 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,971.59 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนกันยายน ขณะที่ตัวเลขคนว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 4.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังในการพัฒนายาต้านโควิด-19 หลังผลการทดลองบ่งชี้ว่า ยาของไฟเซอร์มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ขณะที่ประธานไฟเซอร์คาดว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะสิ้นสุดลงในช่วงต้นปีหน้า
ด้านราคาทองคำในวันศุกร์ (5 พ.ย.) ดีดตัวสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายน จากความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 23.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,816.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)