ราคาน้ำมันขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 ในวันอังคาร (26 ต.ค.) ได้แรงหนุนจากความคาดหมายอุปสงค์แข็งแกร่งในสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ตามรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนฉุดให้ทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 84.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ ปิดที่ 86.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาน้ำมันมีขึ้น ก่อนที่สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) จะเผยแพร่รายงานคลังสำรองของสหรัฐฯ ในวันอังคาร (26 ต.ค.) และทางสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ มีกำหนดเผยแพร่ตัวเลขคลังปิโตรเลียมสำรองในวันพุธ (27 ต.ค.) ท่ามกลางสัญญาณอุปสงค์แข็งแกร่งและอุปทานตึงตัว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (26 ต.ค.) ปิดบวกในกรอบแคบๆ แต่ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง จากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งรอบใหม่ของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 15.73 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,756.88 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 8.31 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,574.79 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 9.01 จุด (0.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,235.72 จุด
ตลาดได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่แล้วออกมาดีเกินความคาดหมาย ในขณะที่หลายบริษัทดำเนินการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังผู้บริโภค ท่ามกลางอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้แล้วความเคลื่อนไหวในวันอังคาร (26 ต.ค.) ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นคืนมาในเดือนตุลาคม หลังจากก่อนหน้านี้ลดลงมา 3 เดือนติด ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดเริ่มเบาบาลง
ความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ ฉุดราคาทองคำในวันอังคาร (26 ต.ค.) ปิดลบแรง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 13.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,793.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)