ราคาน้ำมันขยับลงในวันพุธ (13 ต.ค.) ตามแรงขายทำกำไรและความกังวลต่ออุปสงค์โลกชะลอตัว ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน จากรายงานผลประกอบการบริษัท ขณะที่ทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบเดือน หลังดอลลาร์อ่อนค่า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 80.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 24 เซนต์ ปิดที่ 83.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์มองว่าพวกนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังน้ำมันสัญญาสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 ระหว่างการซื้อขาย 3 วันหลังสุด
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันก่อนหน้านี้ หลังจีน ชาติผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกเผยแพร่ข้อมูลนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนกันยายน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 15%
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (13 ต.ค.) ปิดผสมผสาน ถูกฉุดจากข้อมูลอีกชุดที่บ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อกำลังดีดตัว แต่ได้แรงหนุนจากหุ้นบริษัทต่างๆ ที่เริ่มต้นฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ด้วยผลดำเนินงานที่ดี
ดาวโจนส์ ลดลง 0.53 จุด (0.00 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,377.81 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 13.15 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,363.80 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 105.71 จุด (0.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,571.64 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนกันยายน เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% อยู่เล็กน้อย หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือน ส.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนกันยายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนสิงหาคม
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทต่างๆ โดย แบล็คร็อค เจพีมอร์แกน เชส และเดลตา แอร์ไลน์ส ต่างรายงานมีผลประกอบการดีเกินคาด แบล็คร็อค จะเป็นหุ้นเพียงตัวเดียวจากทั้ง 3 ตัว ที่ปิดในแดนบวกก็ตาม
ส่วนราคาทองคำในวันพุธ (13 ต.ค.) พุ่งแรง 35 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ 1 เดือน จากดอลลาร์อ่อนค่าและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง หลังเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 35.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,794.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)