ราคาน้ำมันขึ้นแรงในวันอังคาร(5ต.ค.) สัญญาสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 หลังจากโอเปกพลัสยังคงยึดแผนเพิ่มกำลังผลิตตามเดิม แม้อุปสงค์ดีดตัว ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก ได้แรงหนุสจากกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลดเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ระหว่างการซื้อขายน้ำมันดิบสัญญาสหรัฐฯดีดตัวมากกว่า 2% ขึ้นไปอยู่ที่ 79.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี ส่วนเบรนต์ลอนดอน ขึ้นไปแตะ 83.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 ปี
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันมีขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์(4ต.ค.) โอเปกพลัสเห็นพ้องยึดมั่นในข้อตกลงเดือนกกฏาคม สำหรับเพิ่มกำลังผลิตเพียง 400,000 บาร์เรลต่อวันแต่ในละเดือน จนถึงเดือนเมษายน 2022 เป็นอย่างน้อย ค่อยๆออกจากมาตรการลดกำลังผลิต 5.8 ล้านบาร์เรลในปัจจุบัน
โอเปกพลัสดำเนินการปรับขึ้นกำลังผลิตอย่างช้าๆ แม้ว่าราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นมากกว่า 50% แล้วในปีนี้ ท่ามกลางอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในสหรัฐฯและอินเดีย ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคระบาดใหญ่โควิด-19
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(5ต.ค.) ฟื้นตัวแรง จากแรงหนุนของกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากปิดลบหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในวอชิงตันและฤดูกาลรายงานผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่กำลังเผยแพร่ออกมา
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 311.75 จุด (0.92 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,314.67 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 45.26 จุด (1.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,345.72 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 178.34 จุด (1.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,433.83 จุด
วอลล์สตรีทได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของบรรดาบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ หลังจากหุ้นกลุ่มดังกล่าวเป็นตัวฉุดรั้งให้ตลาดขยับลงเมื่อวันจันทร์(4ต.ค.)
ความขัดแย้งในสภาคองเกรสก่อความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่วาระต่างๆของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(5ต.ค.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน หลังดอลลาร์และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯดีดตัว โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 6.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,760.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์/เอเอฟพี)