ราคาน้ำมันขยับขึ้นในวันพุธ(20ต.ค.) หลังคลังปิโตรเลียมสหรัฐฯลดลงผิดคาดในสัปดาห์ล่าสุด ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกได้แรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ทองคำปรับขึ้น 2 วันติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ ปิดที่ 83.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) เผยแพร่รายงานในวันพุธ(20ต.ค.) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 ตุลาคม ลดลง 431,000 บาร์เรล สวนทางกับที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 1.857 ล้านบาร์เรล
คลังเบนซินสำรองก็ลดลง 6.368 ล้านลาร์เรล สวนทางกับที่คาดหมายไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.267 ล้านบาร์เรล และสต๊อกน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน ลดลง 3.913 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันพุธ(20ต.ค.) ดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 เฉียดสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ซึ่งช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและปัญหาติดขัดในห่วงโซ่อุปทาน
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 152.03 จุด (0.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 35,609.34 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 16.56 จุด (0.37 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,536.19 จุด แนสแดค ลดลง 7.41 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 15,121.68 จุด
รายงานฉบับหนึ่งของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ระบุว่าข้อจำกัดด้านการขนส่งและขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้ราคาเกือบทุกอย่างในสหรัฐฯดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งกำลังฉุดรั้งให้เศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว
อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการของบริษัทต่างๆที่เผยแพร่ออกมาล่าสุด นักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจว่าราคาผู้บริโภคที่สูงขึ้น จะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
กระนั้นก็ตามความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อ ผลักให้ราคาทองคำในวันพุธ(20ต.ค.) ปิดบวก 2 วันติด นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 14.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,784.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์/มาร์เก็ตวอตช์)