“สี จิ้นผิง”เตือนในวันพฤหัสบดี (11 พ.ย.) ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกไม่สามารถและไม่ควรกลับสู่การเผชิญหน้าและการแตกแยกกันแบบในยุคสงครามเย็น ชี้ความพยายามขีดเส้นแบ่งทางอุดมการณ์มีแนวโน้มพบความล้มเหลว ผู้นำจีนพูดเช่นนี้ก่อนหน้าที่เขาจะพบปะหารือแบบเสมือนจริงกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดหมายกันว่าอาจจัดขึ้นได้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
ในวิดีโอที่บันทึกไว้ล่วงหน้าและนำออกเผยแพร่วันพฤหัสบดี (11) ณ การประชุมของบรรดาผู้นำธุรกิจ ซึ่งเป็นเวทีย่อยในการประชุมสุดยอดแบบเสมือนจริงของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่ปีนี้มีนิวซีแลนด์เป็นเจ้าภาพ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กล่าวว่า ความพยายามขีดเส้นแบ่งทางอุดมการณ์หรือสร้างกลุ่มเล็กๆ โดยอิงกับภูมิรัฐศาสตร์ มีแนวโน้มที่จะต้องพบความล้มเหลว
ประมุขแดนมังกรย้ำว่า เอเชีย-แปซิฟิกไม่สามารถและไม่ควรกลับสู่การเผชิญหน้าและการแตกแยกแบบในยุคสงครามเย็น
สีสำทับว่า ประเทศต่างๆ ต้องร่วมมือจัดการความท้าทายที่มีร่วมกันตั้งแต่วิกฤตโควิดจนถึงประเด็นการค้า และร่วมกันอุดช่องว่างในโครงการฉีดวัคซีนโควิดโดยการช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้น
ผู้นำแดนมังกรยังกล่าวว่า ประเทศต่างๆ ควรยกระดับความร่วมมือในการวิจัย ผลิต ทดสอบ และยอมรับวัคซีนของกันและกัน เพื่อให้หลุดพ้นจากเงื้อมเงาของวิกฤตโรคระบาดและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมั่นคงโดยเร็ว ซึ่งภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่สุด
การเผยแพร่คำพูดเช่นนี้ของสี มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากจีนและอเมริกาทำให้ทั่วโลกประหลาดใจ ด้วยการประกาศข้อตกลงระหว่างกันเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน ที่เวทีการประชุมสุดยอดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งกำลังจัดกันอยู่ที่เมืองกลาสโกว์, สกอตแลนด์, ของสหราชอาณาจักรในขณะนี้
ในวิดีโอที่เผยแพร่วันพฤหัสบดี สีไม่ได้เอ่ยชื่ออเมริกาโดยตรง แต่บอกว่า ทุกประเทศสามารถเริ่มเดินทางบนเส้นทางการพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน
ประมุขของจีน และสหรัฐฯ กำลังจะหารือกันในแบบเสมือนจริง “เร็วๆ นี้” ตามการเปิดเผยของ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะที่มีรายงานบางกระแสระบุว่า การประชุมดังกล่าวจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดคือในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตาม แม้คณะบริหารของไบเดนระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญที่อเมริกากับจีนอาจร่วมมือกันได้ ทว่าประเทศทั้งสองยังมีความตึงเครียดกันอย่างมากในประเด็นความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะกรณีไต้หวัน
เมื่อวันอังคาร (9) กองทัพจีนแถลงว่า กำลังตรวจการณ์ซักซ้อมความพร้อมรบในทิศทางช่องแคบไต้หวัน หลังจากกระทรวงกลาโหมแดนมังกรออกมาประณามกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอเมริกันคณะหนึ่งซึ่งเดินทางไปเยือนไต้หวันด้วยเครื่องบินทหาร ถึงแม้โฆษกเพนตากอนอ้างว่านี่เป็นการปฏิบัติที่ทำกันเป็นปกติ
ต่อมาในวันพุธ (10) บลิงเคนกล่าวย้ำถึงการที่สหรัฐฯให้ความสนับสนุนทางทหารแก่ไต้หวัน โดยเขากล่าวในงานประชุมที่จัดโดยหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ว่า อเมริกาจะทำให้แน่ใจว่า ไต้หวันจะมีศักยภาพในการป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามถึงจุดที่บางประเทศพยายามใช้กำลังเพื่อหยุดยั้งสถานะดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม ในคำแถลงของ สี ที่เอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตันเผยแพร่ในงานกาลาดินเนอร์ที่นิวยอร์กวันอังคาร ผู้นำจีนแสดงท่าทีประนีประนอมโดยบอกว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์จีน-อเมริกามาถึงทางแยกสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเสริมว่า ทั้งสองประเทศจะได้ประโยชน์จากการร่วมมือกัน และต้องประสบความสูญเสียหากเผชิญหน้ากัน และเสริมว่า ปักกิ่งพร้อมดำเนินการร่วมกับวอชิงตันเพื่อปรับปรุงความร่วมมือภายในภูมิภาคและทั่วโลก รวมถึงจัดการความคิดเห็นที่แตกต่างอย่างเหมาะสม
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)