องค์การอนามัยโลก(WHO) รู้สึก "กังวลอย่างมาก" ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยุโรป ในขณะที่ทวีปแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ฮานส์ คลูก ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ประจำภาคพื้นยุโรป เตือนว่าอาจมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกกว่า 500,000 คนภายในเดือนมีนาคม จนกว่าจะมีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในนั้นรวมถึงมาตรการสวมหน้ากาก ซึ่งนายแพทย์คลูก ระบุว่าการยกระดับการสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ จะสามารถช่วยได้ทันที
เสียงเตือนของคลูก มีขึ้นในขณะที่หลายประเทศรายงานมีอัตราการติดเชื้อสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งเต็มรูปแบบและบางส่วน
นายแพทย์คลูก ระบุว่าปัจจัยต่างๆอย่างเช่นสภาพอากาศฤดูหนาว การฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุมเพียงพอและการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก อยู่เบื้องหลังการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในยุโรป
เขาเรียกร้องให้ยกระดับการฉีดวัคซีนและบังคับใช้มาตรการสาธารณสุขพื้นฐาน เช่นเดียวกับแนวทางการรักษาทางการแพทย์ใหม่ๆที่จะสามารถช่วยสกัดการแพร่ระบาด "โควิด-19 กลับมาเป็นต้นตอที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาคของเราอีกครั้ง" เขาบอกกับบีบีซี "เรารู้ดีว่าเราจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง เพื่อต่อสู้กับไวรัสนี้"
นาแพทย์คลูก มองว่ามาตรการบังคับฉัดวัคซีนควรเป็น "ทางเลือกสุดท้าย" ทว่าเมื่อถึงเวลานั้น การถกเถียงกันในด้านกฎหมายและทางสังคมในประเด็นดังกล่าว จะมีความจำเป็น
"แต่ก่อนหน้านั้น ยังมีวิธีการอื่นๆอย่างเช่นบัตรผ่านโควิด" เขากลาว พร้อมระบุว่า "นี่ไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพ แต่มันคือเครื่องมือที่รักษาเสรีภาพส่วนบุคคลของเราต่างหาก"
ออสเตรียในวันศุกร์(19พ.ย.) กลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ประกาศว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะกลายเป็นข้อบังคับตามกฎหมาย กฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลในเดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการบังคับใช้ยังอยู่ระหว่างพิจารณา
คำแถลงดังกล่าวประกอบกับมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบใหม่ ถูกประกาศออกมาตอบสนองต่อเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของออสเตรียที่ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และอัตราการฉีดวัคซีนในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามในวันเสาร์(20พ.ย.) ประชาชนหลายพันคนรวมตัวประท้วงมาตรการใหม่นี้ในกรุงเวียนนา หลายคนชูป้ายข้อความว่า "ไม่เอาวัคซีน" และ "ไม่เอาอีกแล้ว" หรือ "ไปตายซะเผด็จการฟาสซิสต์"
ประเทศอื่นๆหลายชาติในยุโรปก็กำลังกำหนดมาตรการใหม่สกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่นกัน ท่ามกลางเคสผู้ติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ในนั้นรวมถึงสาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกียที่แถลงข้อจำกัดใหม่ๆต่อคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน
เมื่อคืนที่ผ่านมา เหตุจลาจลรุนแรงปะทุขึ้นในเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างการประท้วงต่อต้านมาตรการใหม่สกัดโควิด-19 หลังจากพวกผู้ประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมกันแสดงความโกรธแค้นรัฐบาลที่มีแผนกำหนดข้อจำกัดต่างๆเพิ่มเติม
ในเยอรมนี เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขให้คำจำกัดความสถานการณ์ว่า "เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ" และไม่ตัดความเป็นไปได้ของการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบใหม่
สหราชอาณาจักรมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวัน 44,242 รายในวันศุกร์(19พ.ย.)
รัฐบาลสหราชอาณาจักรยืนกรานว่าไม่มีแผนล็อกดาวน์รอบใหม่ในอังกฤษ แต่บอกว่าอาจบังคับใช้มาตรการสกัดโควิด-19 เพิ่มเติม หรือที่เรียกว่าแผนบี เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ในนั้นรวมถึงบังคับแสดงพาสปอร์ตวัคซีนหรือสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าสำหรับสถานที่ในร่มบางแห่ง และแนะนำให้ทำงานจากที่บ้าน
(ที่มา:บีบีซี)