ผู้อำนวยการของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ในวันอังคาร (2 พ.ย.) สนับสนุนให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์และไบออนเทค อย่างกว้างขวางในเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ เปิดทางสำหรับการฉีดวัคซีนเข้าสู่แขนเด็กๆ อย่างเร็วที่สุดในวันพุธ (3 พ.ย.)
คำแถลงนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ สนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์ ให้ใช้วัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์/ไบออนเทค อย่างกว้างขวางกับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ
คณะที่ปรึกษาของซีดีซีระบุว่า ประโยชน์ของวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยง ในขณะที่การพูดคุยหารือของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเคสที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ของอาการหัวใจอักเสบที่เชื่อมโยงกับวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มเพศชายอายุน้อย
แทพย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี ต้องลงนามในคำแนะนำดังกล่าว สหรัฐฯถึงจะสามารถเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนแก่เด็กกลุ่มอายุนี้ หลังจากก่อนหน้านี้ สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) อนุมัติฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่เด็กอายุ 5-11 ขวบ ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ (29 ต.ค.) ที่ผ่านมา
เอฟดีเออนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์ปริมาณ 10 ไมโครกรัมต่อเข็มในเด็กกลุ่มอายุนี้ ส่วนเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปให้ใช้ปริมาณ 30 ไมโครกรัม
ในช่วงต้นของการประชุม วาเลนสกี ระบุว่ามีเด็กจำนวนมากต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกปัจจุบัน ซึ่งขับเคลื่อนโดยตัวกลายพันธุ์เดลตา
"ความเสี่ยงจากโควิด-19 สูงมากและกำลังทำลายเด็กๆ ของเราอย่างหนัก หนักหน่วงกว่าโรคอื่นๆ จำนวนมากที่เราฉีดวัคซีนให้เด็กแล้ว" เธอกล่าว พร้อมระบุว่า การปิดโรงเรียนส่งผลร้ายต่อสังคมและส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเด็กๆ "การฉีดซีนแก่เด็กๆ มีพลานุภาพที่จะช่วยเราเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด"
ซีดีซีนำเสนอข้อมูลบ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนทุกๆ 1 ล้านเข็ม อาจช่วยป้องกันเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักถึงขันเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ราวๆ 80 ถึง 226 คน และเมื่อครั้งได้รับอนุมัติอย่างเป็นทางการ จะมีเด็กราวๆ 28 ล้านคนที่มีสิทธิเข้ารับวัคซีน
ไฟเซอร์และไบออนเทค ระบุว่า วัคซีนของพวกเขาแสดงประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ถึง 90.7% ในการทดลองทางคลินิกกับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบ
อาชิช จา คณบดีสถาบันสาธารณสุขแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกคณะที่ปรึกษาของซีดีซี โพสต์บนทวิตเตอร์แสดงความคิดเห็นหลังจากการโหวตว่า "ผลการลงมติเป็นเอกฉันท์เพราะหลักฐานชัดเจนมาก เป็นเรื่องดีกว่าหากฉีดวัคซีนแก่เด็กๆ 5 ถึง 11 ขวบ"
รัฐบาลสหรัฐฯ และไฟเซอร์ได้เริ่มกระจายวัคซีนแล้ว ในการเตรียมการสำหรับฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางแก่เด็กๆ ซึ่งในนั้นจำนวนมากกลับสู่การเรียนการสอนในชั้นเรียนแล้ว "เราได้ส่งมอบวัคซีนไปยังรัฐต่างๆ หลายสิบแห่งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์และวันจันทร์" จากการเปิดเผยของอัลเบิร์ต บัวร์ลา ซีอีโอของไฟเซอร์ "มีความพยายามมากมายมหาศาล เพื่อให้วัคซีนมีพร้อมในทุกที่"
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ทำเนียบขาวเผยว่าสหรัฐฯ มีเสบียงวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เพียงพอสำหรับเด็กอายุ 5 ถึง 11 ขวบทุกคน จำนวน 28 ล้านราย โดยในขณะที่เด็กบางส่วนอาจได้รับวัคซีนเข็มแรกเร็วที่สุดในวันพุธ (3 พ.ย.) แต่แผนก็คือจะเริ่มโครงการฉีดวัคซีนเด็กอย่างเต็มกำลังในสัปดาห์หน้า ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งในรัฐบาลไบเดน
จนถึงตอนนี้มีเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ในนั้นรวมถึงจีน คิวบา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่อนุมัติฉีดวัคซีนแก่เด็กกลุ่มอายุนี้หรือน้อยกว่านั้น
ในสหรัฐฯ จนถึงปัจจุบันมีประชาชนฉีดวัคซีนครบเข็มแล้วคิดเป็นสัดส่วนเพียง 58% ล้าหลังประเทศอื่นๆ อย่างสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส และหากนับเฉพาะเด็กที่เข้ารับวัคซีนแล้วยิ่งน้อยไปใหญ่ โดยตอนนี้ในมีเยาวชนสหรัฐฯ อายุ 12 ถึง 15 ปี ที่ฉีดวัคซีนแล้ว แค่ราวๆ 47%
(ที่มา : รอยเตอร์)
