รอยเตอร์ - คณะผู้เชี่ยวชาญลงมติท่วมท้นแนะนำเอฟดีเอให้อนุมัติใช้วัคซีนโควิดของไฟเซอร์กับเด็กอายุ 5-11 ปี ชี้มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง
หากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) อนุมัติตามคำแนะนำดังกล่าว จะเป็นก้าวสำคัญที่เปิดโอกาสให้เด็ก 28 ล้านคนที่ส่วนใหญ่กลับเข้าเรียนตามปกติแล้ว ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
ปกติแล้วเอฟดีเอมักปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญภายนอก แม้ไม่มีข้อผูกมัดให้ต้องปฏิบัติตามแต่อย่างใด โดยในวันอังคาร (26 ต.ค.) คณะผู้เชี่ยวชาญอิสระลงมติด้วยคะแนน 17 ต่อ 1 (งดออกเสียง) แนะนำให้เอฟดีเออนุมัติใช้วัคซีนโควิดของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคกับเด็กอายุ 5-11 ปี
หากเอฟดีเอเห็นด้วย คณะผู้เชี่ยวชาญของศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของอเมริกา (ซีดีซี) จะประชุมกันในสัปดาห์หน้าเพื่อให้คำแนะนำเอฟดีเอเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่ผู้อำนวยการซีดีซีจะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
แม้ไม่พบบ่อยนักว่า เด็กป่วยหนักหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ แต่เด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนบางคนมีอาการแทรกซ้อนและติดเชื้อจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดง่าย
ข้อมูลจากสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา ระบุว่า เด็กกว่า 500 คนในอเมริกาเสียชีวิตจากโควิด-19 ซึ่งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตในเด็กวัยนี้อันดับ 8 ในช่วงปีที่ผ่านมา
ดร.อแมนดา โคห์น ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนสำหรับเด็กของซีดีซี และสมาชิกคณะกรรมการที่มีสิทธิออกเสียง กล่าวว่า วัคซีนจะช่วยป้องกันการเสียชีวิต การป่วยหนัก และผลลัพธ์ไม่พึงประสงค์ระยะยาวในเด็ก
ปัจจุบัน มีเพียงไม่กี่ประเทศที่อนุมัติให้ฉีดวัคซีนให้เด็กกลุ่มวัยนี้และอายุน้อยกว่า ได้แก่ จีน คิวบา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น
สำหรับอเมริกา มีประชากรเพียง 57% ที่ฉีดวัคซีนครบโดส ถือว่ายังล้าหลังประเทศอื่นๆ เช่น สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
นับจากเดือนพฤษภาคม องค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยทบทวนแผนการฉีดวัคซีนให้เด็ก และหันมาบริจาควัคซีนให้โครงการโคแว็กซ์เพื่อช่วยกระจายให้ประเทศยากจนแทน
ทั้งนี้ ไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคกำลังยื่นขออนุมัติให้ใช้วัคซีนขนาด 10 ไมโครกรัมกับเด็กเล็ก เทียบกับ 30 ไมโครกรัมที่ใช้สำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ซึ่งเอฟดีเออนุญาตให้ใช้สำหรับเด็กอายุ 12-15 ปีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม หลังจากอนุมัติให้ใช้ในกลุ่มวัย 16 ปีขึ้นไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว
ทั้ง 2 บริษัทเผยว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 90.7% ในการต่อต้านไวรัสโคโรนาในการทดลองทางคลินิกกับเด็กอายุ 5-11 ปี
สำหรับคณะที่ปรึกษาของเอฟดีเอนั้นให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสถิติการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เชื่อมโยงกับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และวัคซีนของโมเดอร์นา โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายอายุน้อย
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของเอฟดีเอระบุในเอกสารที่จัดเตรียมไว้ก่อนการประชุมเมื่อวันอังคารว่า หากผู้มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในกลุ่มเด็กเล็กมีจำนวนพอๆ กับในกลุ่มอายุ 12-15 ปี ถือว่า จำนวนผู้ที่ได้รับการป้องกันจากการป่วยหนักมีมากกว่าผู้ที่ได้รับการป้องกันจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบในสถานการณ์ที่ทำการวิเคราะห์ส่วนใหญ่
สมาชิกบางคนในคณะที่ปรึกษาแนะนำให้ใช้วัคซีนกับเด็กในกลุ่มที่แคบลง เช่น เด็กที่มีแนวโน้มสูงที่จะป่วยหนักหากติดเชื้อ ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงจากอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
หากได้รับอนุมัติ วัคซีนไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคจะเป็นวัคซีนตัวเดียวสำหรับกลุ่มเด็กเล็กในอเมริกาไปอีกระยะ เนื่องจากโมเดอร์นานั้นยังไม่ได้ยื่นขออนุมัติสำหรับเด็กกลุ่มวัยนี้ แต่มีแผนจะดำเนินการเร็วๆ นี้
นอกจากนั้น โมเดอร์นายังอยู่ระหว่างรอการอนุมัติให้ใช้วัคซีนของบริษัทกับเด็กอายุ 12-17 ปี หลังจากยื่นคำร้องไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน