สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัท ไฟเซอร์ อิงค์ และ ไบโอเอ็นเทค เอสอี ในเด็กอายุระหว่าง 5-11 ปี โดยถือเป็นวัคซีนตัวแรกที่ได้รับไฟเขียวจากสหรัฐฯ ให้ฉีดในกลุ่มเด็กเล็ก
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กเล็กยังต้องรอให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ออกคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการฉีดที่เหมาะสม ซึ่งคณะที่ปรึกษาจากภายนอกจะหารือประเด็นดังกล่าวในวันอังคารหน้า (2 พ.ย.)
ไฟเซอร์ ยืนยันว่าทางบริษัทจะทยอยจัดส่งวัคซีนสำหรับเด็กไปยังร้านขายยา, คลินิกกุมารแพทย์ และหน่วยงานอื่นๆ ซึ่งจะทำหน้าที่แจกจ่ายวัคซีนตั้งแต่วันนี้ (30 ต.ค.)
การตัดสินใจของ FDA ครั้งนี้จะทำให้เด็กเล็กในอเมริการาว 28 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เริ่มกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแล้ว ได้มีโอกาสฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับผู้ใหญ่
ปัจจุบันมีเพียงไม่กี่ประเทศ เช่น จีน, คิวบา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่อนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สำหรับเด็กในช่วงวัยนี้ หรือที่อายุต่ำกว่า
FDA แนะนำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในปริมาณ 10 ไมโครกรัมสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งน้อยกว่าปริมาณ 30 ไมโครกรัมที่ฉีดให้แก่ประชาชนที่อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป
คณะที่ปรึกษา FDA ชี้ว่า การฉีดวัคซีนปริมาณน้อยในเด็กจะช่วยลดความเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีเคสคนหนุ่มสาวที่ฉีดวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์นาแล้วเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocraditis) โดยเฉพาะในเพศชาย
ทั้งนี้ FDA ย้ำว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 5-11 ปีนั้นมีมากกว่าความเสี่ยง โดยวัคซีนที่ใช้ในเด็กจะเป็นรุ่นที่มีฝาปิดแบบใหม่ และสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานสุดถึง 10 สัปดาห์
สหรัฐฯ ยังมีประชากรที่ฉีดวัคซีนครบโดสเพียงราวๆ 58% ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าอีกหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส เป็นต้น
ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่จำนวนมากยังลังเลที่จะพาตัวเองไปฉีดวัคซีน และอาจวิตกกังวลมากขึ้นไปอีกสำหรับลูกหลานที่อายุยังน้อย
ที่มา: รอยเตอร์