ชายชาวอินเดียรายหนึ่งนามว่า อดิตยา ซิงห์ วัย 37 ปี แอบใช้ชีวิตโดยไม่ถูกตรวจพบที่สนามบินนานาชาติโอแฮร์ของเมืองชิคาโก สหรัฐฯ นานกว่า 3 เดือน เนื่องจากเขาหวั่นกลัวต่อโรคระบาดใหญ่ และล่าสุดศาลอเมริกาพิพากษาว่าเขาไม่ได้ทำผิดใดๆ
อดิตยา ซิงห์ หวั่นกลัวโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างหนัก จนไม่กล้าขึ้นบินกลับมาตุภูมิ และใช้ชีวิตอยู่ในสนามบินเป็นเวลา 3 เดือน ก่อนถูกจับได้ในวันที่ 16 มกราคม
หนังสือพิมพ์ชิคาโก ทริบูน รายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคม ผู้พิพากษาแห่งศาลคุ๊ก เคาน์ตี ตัดสินว่า ซิงห์ ไม่มีความผิดทางอาญาฐานบุกรุกเขตหวงห้ามของสนามิน อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องเชผิญกับอีกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดการเฝ้าระวังทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างที่ได้รับการประกันตัวเมื่อช่วงต้นปี ซึ่งคดีนี้มีกำหนดพิจารณาคดีในวันศุกร์(29ต.ค.)
รายงานข่าวระบุว่า ซิงห์ อาศัยอยู่ในพื้นที่หวงห้ามอาคารผู้โดยสารของสนามบิน ที่สามารถเข้าถึงร้านค้า อาหารและห้องน้ำสาธารณะ จนกระทั่งถูกจับกุมหลังจากพนักงานของสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส 2 คน ขอให้เขาแสดงบัตรพิสูจน์ตัวตน
อัยการเผยว่าเขาแสดงบัตร ID สนามบินใบหนึ่ง ซึ่งผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการรายหนึ่งแจ้งหายไปเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2020 ทำให้พนักงานทั้ง 2 ทราบว่าเขาคือผู้ลักลอบ
ซิงห์ เดินทางมายังสหรัฐฯเมื่อ 6 ปีก่อน เพื่อจบหลักสูตรปริญญาโท และเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม เขาขึ้นเครื่องบินจากลอสแองเจลิส มุ่งหน้าไปยังชิคาโก โดยมีเป้าหมายต่อเครื่องไปยังอินเดีย ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน แต่เขาเกิดเปลี่ยนใจ
ข้อมูลของอัยการระบุ ซิงห์ ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่าเขากลัวที่จะบินกลับอินเดีย สืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 จึงตัดสินใจอยู่ที่สนามบิน พร้อมเผยว่าเขาพึ่งพิงความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าระหว่างใช้ชีวิตอยู่ภายในสนามบิน
เมื่อครั้งที่ถูกจับกุม ซิงห์ กลายเป็นข่าวพาดหัวโด่งดังไปทั่ว โดยหลายคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับ ทอม แฮงค์ส ในภาพยนตร์ 'The Terminal' และทางสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐฯ(TSA) เปิดการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คอร์ทนีย์ สมอลล์วูด ทนายความจำเลย เผยว่าเจ้าหน้าที่ไม่พบหลักฐานว่า ซิงห์ ออกจากซีกสาธารณะที่มีการคุ้มกันของสนามบิน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี การสืบสวนของ TSA พบวา ซิงห์ ไม่ได้ละเะมิดกฎระเบียบใดๆของสนามบิน
"ซิงห์ไม่ได้ละเมิดหรือเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามอย่างไม่เหมาะสม เขาเดินทางมาถึงแบบเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นๆหลายหมื่นคนทำในแต่ละวัน หลังลงจากเครื่องบิน" คริสตีน คาร์ริโน โฆษกของหน่วยงานการบินพลเรือนระบุในถ้อยแถลงที่ส่งชิคาโก ทริบูน เมื่อช่วงกลางปี
"ในขณะที่เราไม่ขอคาดเดาแรงจูงใจของซิงห์ เขาตัดสินใจอยู่ในพื้นที่หวงห้ามต่อและใช้ทุกความพยายามทำตัวกลมกลืนในฐานะผู้โดยสารและพนักงานของสายการบินจนกระทั่งถูกจับ"
ซิงห์ ไม่เคยมีประวัติก่ออาชญากรรมมาก่อน และเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งของซิงห์ เปิดเผยกับชิคาโก ทริบูน ว่าเขาส่งข้อความทางโทรศัพท์หาเธอ เล่าว่ามีความสุขมากที่ได้พูดคุยกับผู้คนที่สนามบินเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคด้วยความเชื่อทางศาสนาพุทธและฮินดู
ข้อความทางโทรศัพท์มือถือที่เขาส่งถึงเพื่อนผู้หญิง ที่เนื้อหาว่า "ผมรู้สึกว่าตัวเองมีการเติบโตทางจิตวิญญาณสืบเนื่องจากประสบการณ์นี้ และผมรู้ว่าผมจะเข้มแข็งขึ้น"
หลังจากเรียนจบปริญญาที่มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา สเตท ในฤดูร้อนปี 2019 เขาย้ายไปอยู่เมืองออเรนจ์ ลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และไปพักอาศัยอยู่กับชายคนหนึ่งที่เสนอมอบที่พักแก่ ซิงห์ แลกเปลี่ยนกับการที่ ซิงห์ คอยดูแลคุณพ่อวัยชราให้เขาและทำงานเล็กๆน้อยๆอื่นๆ
ด้วยความคิดถึงมารดา ประกอบกับวีซ่าของซิงห์กำลังหมดอายุ ดังนั้นเขาจึงมีแผนเดินทางกลับอินเดียในเดือนตุลาคม 2020 แต่เขาเกิดเปลี่ยนใจกะทันหันจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตในที่สุด
(ที่มา:อินเดียทูเดย์/นิวยอร์กโพสต์)