MGR Online - รอง ผบ.ตร.นำคณะลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว รองรับการเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้ เน้น 3 เรื่องหลัก เน้นดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระวังป้องกันติดเชื้อโควิด ความสะดวกรวดเร็วการให้บริการ สร้างความอบอุ่นประทับใจ
วันนี้ (29 ต.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม., พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท., พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 และคณะได้เดินทางมาตรวจความพร้อมในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 1 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ นับตั้งแต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมา โดยมีพื้นที่นำร่องจำนวน 17 จังหวัด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ แต่ก็ยังคงต้องรักษาความมั่นคงด้านสาธารณสุขควบคู่กันไป พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (บช.ทท.) เร่งเตรียมความพร้อมดูแลนักท่องเที่ยว โดยจะเน้นดูแลใน 3 เรื่องหลักๆ คือ 1. ความสะดวกและรวดเร็วในการให้บริการ โดยเฉพาะขั้นตอนการเข้า-ออกประเทศ 2. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การระวังป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งตัวเจ้าหน้าที่เอง และนักท่องเที่ยว รวมถึงอุบัติภัยหรืออาชญากรรมต่างๆ 3. ให้นักท่องเที่ยว “อบอุ่น ประทับใจ”
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ด้านความสะดวก รวดเร็วในการให้บริการนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ไว้ประจำสนามบินนานาชาติ ทั้ง 5 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และ หาดใหญ่ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 2,000 นาย และตำรวจท่องเที่ยวทั่วประเทศอีก 1,715 นาย โดยก่อนสถานการณ์โควิด-19 มีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละประมาณ 100,000 คน แต่ในช่วงสถานการณ์โควิดปัจจุบัน มีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละเพียง 1,400 คน เท่านั้น เชื่อว่า ในช่วง พ.ย.- ธ.ค. 64 ที่จะถึงนี้ จะมีผู้โดยสารขาเข้าเฉลี่ยวันละ 4,000 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ตม.สุวรรณภูมิ สามารถระบายผู้โดยสารได้ประมาณ 700 คน/ชม. แต่หลังวันที่ 1 พ.ย. 64 เป็นต้นไป หากผู้โดยสารใช้ แอปพลิเคชัน Thailand Pass จะสามารถระบายผู้โดยสารถึง 2,000 คน/ชม. เนื่องจากไม่ต้องมีการสแกนเอกสาร เช่น เอกสาร COE, ใบ ตม.6, ต.8 เป็นต้น
รอง ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า สำหรับมิติด้านการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของนักท่องเที่ยว ก่อนเปิดประเทศ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท เป็นเวลาติดต่อกัน 3 เดือน โดยเฉพาะการฉ้อโกง การหลอกลวงออนไลน์ หรือการจัดระวังป้องกันการนำข้อมูลส่วนบุคคลและการเงิน ธนาคาร บัตรเครดิต ไปใช้ ได้มีการเร่งให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (PCT), สอท. และ บก.ช. เร่งผลิตสื่อหรือข้อมูลเผยแพร่ให้ความรู้ในการป้องกันตนเองให้กับประชาชนแล้ว
สำหรับมาตรการระวังป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งตัวเจ้าหน้าที่เอง และนักท่องเที่ยวนั้น ขณะนี้ ตม. และ ตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งจะมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 100% และจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้ได้อย่างน้อย 95% ก่อนเปิดประเทศ ทั้งนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนายรักษามาตรการทางสาธารณสุขตลอดเวลา ทั้งขณะปฏิบัติงานและนอกเวลางาน
“ในด้านของการให้บริการให้นักท่องเที่ยวเกิดความ อบอุ่น ประทับใจ ที่ได้มาเที่ยวประเทศไทยนั้น ได้สั่งการให้ สตม.และ บช.ทท. เชิญผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว มาประชุมเพื่อขอความร่วมมือให้มีการแจ้งที่พักตามกฎหมายให้ครบถ้วน 100% เพื่อสะดวกในการติดตามตัวและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหมั่นออกกวดขันตรวจตราผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน นอกจากนี้ขอความร่วมมือภาคีเครือข่าย และประชาชนดูแลนักท่องเที่ยวให้เกิดความ อบอุ่น ประทับใจ สถานที่ท่องเที่ยวต้องมีมาตรการทางสาธารสุขอย่างเข้มงวด จุดใดที่เป็นจุดเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรืออาชญากรรม ขอให้ช่วยกันปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ให้บริการ 30 คู่สาย ตลอด 24 ชม. มีล่ามภาษา 5 ภาษา คือ อังกฤษ ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย จีน พร้อมให้บริการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ แจ้งเหตุ ร่วมกับ สถานีตำรวจท่องเที่ยว 32 สถานี และสถานีตำรวจทั่วประเทศ” รอง ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ผบ.ตร. ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปรามปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 64 ซึ่งมีผลการจับกุมขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย กว่า 29,575 ราย จับกุมเครือข่ายขบวนการแล้วจำนวน 154 เครือข่าย จับกุมผู้นำพา จำนวน 195 ราย จับกุมผู้ให้ที่พักจำนวน 573 ราย และได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อสกัดกั้นเครือข่ายแรงงานต่างๆ โดยมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวนกว่า 80,000 จุด โดยแบ่งเป็นพื้นที่แนวชายแดนกว่า 358 จุด และเส้นทางคมนาคมและจุดสำคัญกว่า 79,751 จุด
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการในการปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองนั้น ขณะนี้ได้กำชับทุกหน่วยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองตามพื้นที่แนวชายแดน และตามเส้นทางคมนาคม โดยเน้นการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และสืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับกลุ่มขบวนการ ผู้นำพาที่ผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้จับกุมไปหลายเครือข่ายแล้ว โดยบูรณาการกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง และเพิ่มช่องทางการแจ้งเบาะแสจากภาคประชาชนอีกด้วย