เกาหลีใต้ยิงจรวดสู่อวกาศลำแรกที่พัฒนาเอง แต่ยังนำดาวเทียมจำลองขึ้นวงโคจรไม่สำเร็จ

เกาหลีใต้ปล่อยจรวดที่พัฒนาเองลูกแรกขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ต.ค.) อย่างไรก็ตาม แม้ภารกิจการบินประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ไม่สามารถนำดาวเทียมจำลองหนัก 1.5 ตัน ขึ้นสู่วงโคจรตามแผน กระนั้น ประธานาธิบดีมุน แจอินประกาศเดินหน้าโครงการต่อ ยันยุคอวกาศของเกาหลีใต้กำลังจะมาถึง

จรวดที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Korea Space Launch Vehicle II แต่นิยมเรียกกันว่า “นูริ” ประดับธงชาติเกาหลีใต้ พุ่งขึ้นจากแท่นปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศนาโร เขตโกฮึง เมื่อเวลา 17.00 น. (15.00 น. ตามเวลาไทย) ของวันพฤหัสบดี ซึ่งนักวิจารณ์ที่ติดตามชมการถ่ายทอดสดคนหนึ่งระบุว่า ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร

ขณะที่สถานีทีวีของเกาหลีใต้รายงานว่า จรวดซึ่งเป็นแบบ 3 ท่อนสามารถนำดาวเทียมจำลองขึ้นสู่ท้องฟ้าสำเร็จ ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงปรบมือกึกก้องในศูนย์ควบคุม

ทว่าแม้ภารกิจการบินลุล่วงทุกขั้นตอน แต่นูริไม่สามารถนำดาวเทียมจำลองขึ้นสู่วงโคจร

ประธานาธิบดีมุน ซึ่งร่วมชมการปล่อยจรวดที่ศูนย์อวกาศ บอกว่า จรวดทั้ง 3 ท่อนต่างทำงานได้ถูกต้อง ส่งให้มันขึ้นสู่ความสูงระดับ 700 กิโลเมตร แล้วดาวเทียมจำลองหนัก 1.5 ตันก็แยกตัวออกอย่างประสบความสำเร็จ แต่ “การนำเอาดาวเทียมจำลองนี้เข้าสู่วงโคจร ยังคงเป็นภารกิจที่ล้มเหลว” เขาบอก

“ถึงแม้มันยังคงไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เราได้ผลงานที่ดีมากกับการปล่อยจรวดครั้งแรกของเรา” ประมุขโสมขาวกล่าว พร้อมกับเสริมว่า ยังจะมีความพยายามกันอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมปีหน้า

มุนกล่าวยกย่องเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและประกาศว่า ยุคอวกาศของเกาหลีใต้กำลังจะมาถึง

เกาหลีใต้ฟื้นคืนชีพจากเถ้าถ่านสงครามทั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี กลายเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 12 ของโลกและมีเทคโนโลยีขั้นสูง อีกทั้งยังเป็นบ้านเกิดของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทสมาร์ทโฟนและชิปรายใหญ่ที่สุดในโลก

ทว่า เกาหลีใต้กลับล้าหลังในด้านการท่องอวกาศ ซึ่งมีอดีตสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำด้วยการส่งดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกครั้งแรกตั้งแต่เมื่อปี 1957 ตามด้วยอเมริกา

ในเอเชียนั้น จีน ญี่ปุ่น และอินเดียล้วนมีโครงการอวกาศขั้นสูงกันมาหลายปีแล้ว ส่วนเกาหลีเหนือปล่อยดาวเทียมขนาด 300 กิโลกรัมขึ้นสู่วงโคจรครั้งแรกในปี 2012 ท่ามกลางเสียงประณามจากตะวันตกว่า เป็นการแอบแฝงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้มีเพียง 6 ประเทศ ไม่รวมเกาหลีเหนือ ที่ประสบความสำเร็จในการใช้จรวดที่พัฒนาเองปล่อยยานซึ่งมีน้ำหนักอย่างน้อย 1 ตันขึ้นสู่อวกาศ


จรวดนูริที่แปลว่า “โลก” ใช้เวลาพัฒนาหนึ่งทศวรรษและต้นทุน 1,600 ล้านดอลลาร์ มีน้ำหนัก 200 ตัน ความยาว 47.2 เมตร พร้อมเครื่องยนต์แบบใช้เชื้อเพลิงเหลว 6 เครื่อง ปฏิบัติภารกิจในการนำดาวเทียมจำลองหนัก 1.5 ตันขึ้นสู่วงโคจรที่ระดับความสูง 600-800 กิโลเมตรจากโลก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในด้านอวกาศของโสมขาว โดยที่เทคโนโลยีเช่นนี้อาจนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ครอบคลุมทั้งการปล่อยดาวเทียมสอดแนม ดาวเทียมนำทาง และดาวเทียมสื่อสาร หรือกระทั่งการสำรวจดวงจันทร์ในอนาคต

เจ้าหน้าที่เผยว่า การมียานและจรวดที่พัฒนาขึ้นมาเองทำให้เกาหลีใต้มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจในเรื่องประเภทอุปกรณ์บรรทุกและกำหนดเวลาการปล่อย นอกจากนั้น ยังทำให้บริษัทท้องถิ่นที่มีส่วนร่วมในโครงการ เช่น กลุ่มฮันวา ที่สร้างเครื่องยนต์ของจรวด พลอยได้อานิสงส์ไปด้วย

ก่อนหน้านี้ โครงการอวกาศของเกาหลีใต้เคยล้มเหลวในการปล่อยจรวด 2 ครั้งแรกเมื่อปี 2009 และ 2010 โดยตอนนั้นใช้เทคโนโลยีบางส่วนของรัสเซีย แถมครั้งที่ 2 จรวดยังระเบิดภายใน 2 นาทีที่ปล่อยขึ้นไป ซึ่งทั้งโซลและมอสโกต่างกล่าวโทษกันและกัน

กระทั่งในปี 2013 เกาหลีใต้จึงปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศสำเร็จ แต่ยังคงต้องพึ่งเครื่องยนต์ของรัสเซีย

ลี ซัง-รยุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยด้านการบินและอวกาศแห่งเกาหลี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์โชซุนบิซก่อนการปล่อยจรวดว่า การมีเทคโนโลยีนี้หมายความว่า เกาหลีใต้สามารถบรรลุข้อกำหนดพื้นฐานในการลงสนามแข่งขันสำรวจอวกาศ

(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)