อิสราเอลเพิกถอน "กรีนพาส" ทั้งหมดที่ออกมาจนถึงปัจจุบัน สืบเนื่องจากกรอบข้อแนะนำใหม่ที่จำกัดสถานะมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 เฉพาะกับคนที่หายป่วยจากการติดเชื้อหรือฉีดวัคซีนเข็มล่าสุดในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
ภายใต้กฎระเบียบใหม่ที่เริ่มบังคับใช้ในวันอาทิตย์ (3 ต.ค.) มีชาวอิสราเอลอย่างน้อย 1.5 ล้านคนที่ต้องถูกเพิกถอน "กรีนพาส" จากรายงานของหนังสือพิมพ์เยรูซาเลมโพสต์ อย่างไรก็ตาม ทางสำนักข่าว 12 นิวส์ ให้ข้อมูลที่ต่างออกไป โดยระบุว่า บุคคลที่ถูกเพิกถอนมีมากเกือบ 2 ล้านคนเลยทีเดียว ส่วนผู้ที่เข้าเกณฑ์ "กรีนพาส" ได้มีการออกใบรับรองใหม่แทนของเดิมแล้ว
กรอบคำแนะนำใหม่กำหนดไว้ว่าบุคคลที่มีสถานะมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 ภายในระยะเวลา 6 เดือนหลังจากรับวัคซีนเข็ม 2 หรือเข็ม 3 จะได้รับหนังสือรับรอง "กรีนพาส" ส่วนคนที่มีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติจะได้รับ "กรีนพาส" เช่นกัน แต่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน 1 เข็มหลังจากหายป่วยแล้ว 6 เดือน ไม่อย่างนั้นจะเสียสิทธิพิเศษดังกล่าว
ส่วนคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติหรือยังไม่ฉีดวัคซีน ในนั้นรวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ขวบที่ยังไม่มีสิทธิรับวัคซีน จะได้รับบัตรผ่านที่จำกัดวันเวลาแค่ 7 วัน หลังผลตรวจ PCR เป็นลบ ขณะที่การตรวจด้วยชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid Antigen) จะสามารถใช้ได้แค่ 24 ชั่วโมง
กรีนพาส เป็นการรับรองทางดิจิทัล ซึ่งเปิดทางให้ชาวอิสราเอลเข้าไปในผับบาร์ ร้านอาหาร สระว่ายน้ำและสถานที่อื่นๆ เช่นเดียวกับร่วมกิจกรรมทั้งในร่มหรือกลางแจ้งที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 100 คน ทั้งนี้ เด็กอายุ 3 ขวบได้รับการยกเว้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อิสราเอลยอมรับว่า ในหลายสถานการณ์ระบบผ่านดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล แต่มีความจำเป็นเพื่อกดดันให้ประชาชนเข้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น แม้ปัจจุบัน อิสราเอลเป็นชาติผู้นำโลกในด้านการฉีดวัคซีนและเข็มกระตุ้น โดยจนถึงวันศุกร์ (1 ต.ค.) ในประชากรทั้งหมด 9.2 ล้านคน มีชาวอิสราเอลฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วกว่า 5.6 ล้านคน และมีเกือบ 3.5 ล้านคนที่ฉีดเข็ม 3 แล้ว
ประเด็นเกี่ยวกับวัคซีนเข็มกระตุ้นมีการถกเถียงกันหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก ท่ามกลางหลักฐานที่ปรากฏมากขึ้นว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนจะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป และผลการวิจัยบางส่วนบ่งชี้ว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาอยู่เบื้องหลังภูมิคุ้มกันที่ลดลง
ในสหรัฐฯ สำนักงานอาหารและยาแห่งชาติ (เอฟดีเอ) ปฏิเสธคำขอจากทำเนียบขาวที่เรียกร้องให้อนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วไป โดยทางเอฟดีเอตัดสินใจอนุมติใช้เฉพาะกับคนสูงวัยเท่านั้น ส่วนศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ออกคำแนะนำครอบคลุมมากกว่า แนะให้ฉีดเข็มกระตุ้นชาวอเมริกันที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป วัยผู้ใหญ่บางคนที่มีโรคประจำตัว และคนวัยผู้ใหญ่บางคนที่ทำงานในสถานที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัส
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลเดินหน้ารวดเร็วมากกว่าสหรัฐฯ ไม่เพียงแค่ฉีดเข็มกระตุุ้นให้ทุกคนอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ยังแย้มว่าการฉีดเข็มกระตุ้นทุก 6 เดือน อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนับตั้งบัดนี้เป็นต้นไป
(รัสเซียทูเดย์)