คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ลงมติเมื่อวันศุกร์ (17 ก.ย.) แนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นเฉพาะกับอเมริกันชนอายุ 65 ปีขึ้นไป และบุคคลกลุ่มเสี่ยงสูงติดเชื้ออาการรุนแรง หลังปฏิเสธอย่างท่วมท้นต่อเสียงเรียกร้องให้ฉีดเข็มกระตุ้นแก่ประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ ทางคณะที่ปรึกษายังแนะนำเอฟเอดีให้นับรวมบุคลากรทางการแพทย์และอาชีพอื่นๆ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เข้าไปด้วย ในนั้นรวมถึงครู
แม้จะลดขอบเขตจากข้อเสนอในเบื้องต้น แต่คำแนะนำของทางคณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ จะครอบคลุมอเมริกันชนเกือบทั้งหมดที่เข้ารับวัคซีนในระยะแรกๆ ของโครงการฉีดวัคซีนของสหรัฐฯ
"วันนี้เป็นก้าวย่างที่สำคัญที่มุ่งหน้าสู่การมอบการป้องกันที่ดีขึ้น ในการปกป้องอเมริกันชนจากโควิด-19" เควิน มูนอซ โฆษกทำเนียบขาวกล่าว "เราพร้อมฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่อเมริกันชนที่มีสิทธิในทันที ครั้งที่กระบวนการนี้สิ้นสุดลงในช่วงสุดสัปดาห์หน้า"
คาดหมายว่าทางสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเร็วๆ นี้ โดยที่เอฟดีเอไม่มีข้อผูกมัดที่ต้องทำตามคำแนะนำของคณะที่ปรึกษา แต่พวกเขาจะนำข้อแนะนำนี้เข้าสู่การพิจารณา
นายแพทย์พอล ออฟฟิต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและสมาชิกในคณะที่ปรึกษา ระบุว่า คำแนะนำนี้เป็นการ "ลดระดับ" ข้อเสนอของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ที่ต้องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นอย่างกว้างขวาง เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 กันยายนเป็นต้นไป
"เรากำลังทดสอบสถานการณ์ดูก่อน ลองแหย่ขาข้างเดียวก่อน" ออฟฟิตกล่าว หลังจากเขาโหวต "ไม่" สำหรับข้อเสนอในเบื้องต้นเกี่ยวกับการฉีดเข็มกระตุ้นในวงกว้าง และลงมติ "เห็นด้วย" กับข้อเสนอที่ดูเป็นสายกลางมากกว่า นั่นก็คือฉีดเข็มกระตุ้นให้แก่กลุ่มเสี่ยงสูง
คณะที่ปรึกษาส่วนใหญ่บ่งชี้ว่า หลักฐานสำหรับสนับสนุนการอนุมัติใช้ในวงกว้างนั้นยังไม่เพียงพอ และพวกเขาต้องการเห็นข้อมูลด้านความปลอดภัยมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงหัวใจอักเสบในคนอายุน้อยหลังฉีดวัคซีน
อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์สำหรับแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ชาวเมริกันชนคนชราและกลุ่มที่เสี่ยงสูง จากหลักฐานที่แสดงว่าคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มป่วยอาการรุนแรงหากติดเชื้อ และมีความเป็นไปได้ว่าภูมิคุ้มกันกำลังลดลงหลังฉีดวัคซีนรอบแรกไปนานแล้ว
ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) มีกำหนดประชุมกันในวันที่ 22 และ 23 กันยายน เพื่อหารือเพิ่มเติมว่าประชาชนกลุ่มไหนบ้างที่ควรมีสิทธิ์ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งผลให้ ไฟเซอร์ ยังจำเป็นกลับมาพร้อมกับข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับการขออนุมัติใช้หรือขอความเห็นชอบสำหรับฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้าง
ไฟเซอร์ระบุในถ้อยแถลงว่า "เราจะทำงานร่วมกับเอฟดีเอหลังเสร็จสิ้นการประชุมในวันนี้ เพื่อจัดการกับประเด็นข้อสงสัยของคณะที่ปรึกษา และเรายังคงเชื่อว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนอย่างกว้างขวางจะเป็นประโยชน์"
บางประเทศ ในนั้นรวมถึงอิสราเอลและสหราชอาณาจักร เริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นไปแล้ว ส่วนสหรัฐฯ อนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นแก่กลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องในเดือนก่อน และเวลานี้มีประชาชนผู้มีสิทธิเข้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วราว 2 ล้านคน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ผลักดันให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ในขณะที่อเมริกากำลังเผชิญกับจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนยังไม่ฉีดวัคซีน รวมถึงกรณีพบเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
(ที่มา : รอยเตอร์)