xs
xsm
sm
md
lg

ผลการศึกษาใหม่สหรัฐฯ ชี้วัคซีน mRNA ไม่เกี่ยวการแท้งบุตร หลังพบหญิงแท้งลูกนับหมื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การแท้งบุตรในผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับวัคซีน mRNA ต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากกว่าปกติ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันจันทร์ (13 ก.ย.) อ้างอิงผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ JAMA เมื่อวันที่ 8 กันยายน

พวกนักวิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลผู้หญิงตั้งท้อง อายุครรภ์ระหว่าง 6 สัปดาห์ ถึง 19 สัปดาห์ จำนวน 105,446 คน ในระบบสาธารณสุข 8 แห่งของสหรัฐฯ ในนั้น 7.8% ฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค อย่างน้อย 1 เข็ม และ 6% ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา

รวมแล้วพบว่ามีผู้หญิง 13,160 คนแท้งบุตร แต่ความเสี่ยงแท้งลูกภายใน 1 เดือนหลังจากฉีดวัคซีนนั้นไม่ต่างจากหญิงตั้งครรภ์ที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ตามรายงานที่เผยแพร่ในวารสารการแพทย์ JAMA

บรรดานักวิจัยยอมรับว่าบางทีพวกเขาอาจขาดข้อมูลบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ไม่ทราบประวัติการตั้งครรภ์ครั้งก่อนๆ ของผู้หญิงเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม พวกนักวิจัยยังคงสรุปว่า ผลการค้นพบของพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือแพทย์เกี่ยวกับการให้คำปรึกษากับหญิงตั้งครรภ์ ที่กำลังตัดสินใจว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่

ขณะเดียวกัน ผลการวิจัยยังพบว่าวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 3 ตัวที่ใช้ในสหรัฐฯ ล้วนมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน อันเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แม้ดูเหมือนวัคซีนของโมเดอร์นาจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด อ้างอิงข้อมูลทั่วประเทศที่รวบรวมในเดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม ครั้งที่เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในอเมริกา

ข้อมูลนี้มาจากการที่พวกนักวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) ติดตามคนไข้โควิด-19 วัยผู้ใหญ่ ที่อาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน จำนวนเกือบ 33,000 ราย

ผลการศึกษาพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว คนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 5 ถึง 7 เท่า

ประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการติดเชื้ออาการหนักต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนหรือถูกส่งเข้าแผนกฉุกเฉิน อยู่ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา (92%) ตามมาด้วยผู้รับวัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทค (77%) และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ต่ำที่สุด 65%

ผลการวิจัยนี้เผยแพร่ในรายงานการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตรายสัปดาห์ (Morbidity and Mortality Weekly Report) ของทางซีดีซีเมื่อวันที่ 10 กันยายน "ผลการค้นพบนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าวัคซีนทั้ง 3 ตัวสามารถมอบประสิทธิภาพการป้องกันระดับสูงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา สำหรับคนที่ล้มป่วยหนักถึงขั้นต้องได้รับการดูแลเร่งด่วนหรือฉุกเฉิน หรือต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล" ซีดีซีระบุ

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น