เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - คิม โย จอง น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือแถลงวานนี้(25 ก.ย)ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการจัดประชุมซัมมิตระหว่าง 2 ชาติเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้เกิดขึ้น ถือเป็นการส่งสารครั้งที่ 2 ของผู้นำเบอร์ 2 ของประเทศภายใน 2 วันที่ผ่านมา
อัลญาซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานวันนี้(26 ก.ย)ว่า คิม โย จอง (Kim Yo Jong)น้องสาวประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน แถลงในวันเสาร์(25)
ซึ่งในวันศุกร์(24)พบว่าคิมได้ออกมาเรียกร้องให้โซลยุตินโยบายเป็นปฎิปักษ์ต่อเปียงยางหลังจากที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ออกมาผลักดันให้มีแถลงสิ้นสุดสงครามเกาหลี
โดยสงครามระหว่าง 2 ชาติเกาหลีเกิดขึ้นช่วงระหว่าง 1950 – 1953 และหยุดลงด้วยสัญญาสงบศึกมิใช่สนธิสัญญาสันติภาพแต่ทำให้ในทางปฎิบัติแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงเป็นคู่สงครามระหว่างกัน
ในแถลงการณ์ของน้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือที่รายงานผ่านสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA คิม โย จอง กล่าวว่า “ดิฉันคิดว่ามีเพียงแต่การไม่มีอคติและการมีทัศนคติของการเคารพซึ่งกันและกันยังคงอยู่เท่านั้นที่จะสามารถสานสัมพันธ์แห่งความเข้าใจระหว่างฝั่งเหนือและฝั่งใต้ได้”
นอกจากนี้เธอยังชี้ว่า ทั้งการประชุมซัมมิตรวมไปถึงการหารืออื่นๆเพื่อการประกาศการยุติสงครามสามารถถูกจัดได้โดยเร็วผ่านการเจรจาที่สร้างสรรค์
และยังกล่าวย้ำถึงการเรียกร้องในวันศุกร์(24)ให้เกาหลีใต้ยุติความเป็นสองมาตรฐานอย่างไม่ยุติธรรมโดยโยงไปถึงการออกมาวิจารณ์ของมุนเรื่องการปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือล่าสุด
นอกจากนี้คิมซึ่งถือเป็นผู้นำเบอร์ 2 ของเกาหลีเหนืออย่างไม่เป็นทางการเปิดเผยว่า เธอมีความสนใจที่เกาหลีใต้มีการถกเถียงในประเด็นนี้ต่อข้อเรียกร้องให้มีการออกคำประกาศสิ้นสุดสงครามเกาหลี
“ดิฉันรู้สึกว่าบรรยากาศของสาธารณะในเกาหลีใต้มีความต้องการที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลีจากที่เคยมีความขัดแย้งและเพื่อนำไปเสถียรภาพอย่างสันติโดยเร็วที่สุดนั้นเด่นชัดมาก”
และเธอย้ำว่า “เราเช่นกันมีความปรารถนาอันเดียวกัน”
รอยเตอร์รายงานว่า หลังจากที่น้องสาวผู้นำเกาหลีเหนือออกมาโยนหินถามทางแล้วทางโซลออกมาแสดงความยินดีตอบรับในวันอาทิตย์(26) โดยกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้แถลงว่า จะดำเนินการอย่างรวดเร็วสำหรับการเจรจาร่วมกันกับเกาหลีเหนือ พร้อมกับย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องยังคงให้มีสายด่วนระหว่างกันยังคงอยู่ต่อไป
“สำหรับการหารือเหล่านั้น การสื่อสารระหว่าง 2 ชาติเกาหลีอย่างแรกสุดต้องกลับมาทำงานอีกครั้งอย่างรวดเร็วและการทำให้การสื่อสารยังคงอยู่เป็นสิ่งจำเป็น” รายงานจากแถลงการณ์ของกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้
การหารืออย่างสร้างสรรค์ระหว่างกันจะนำไปสู่ทางออกของปัญหาต่างๆเป็นต้นว่า การกลับมาอีกครั้งของสำนักงานตัวแทนระหว่าง 2 ชาติเกาหลีและการประชุมซัมมิตเกาหลีใต้-เกาหลีเหนือ
รอยเตอร์ชี้ว่า ทั้งนี้เกาหลีเหนือต้องการสิ้นสุดสงครามมาเป็นเวลาหลายสิบปีแต่ทว่าสหรัฐฯซึ่งเป็นผู้นำกองกำลังสงครามเกาหลีในเวลานั้นยังคงลังเลเว้นแต่เกาหลีเหนือจะยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองเสีย
โดยการเจรจากับสหรัฐฯได้ค้างลงในปี 2019 เกิดขึ้นในช่วงขณะความคาดหวังเพิ่มขึ้นสำหรับคำประกาศยุติสงคราม 2 ชาติเกาหลีถึงแม้ว่าจะยังไม่มีสนธิสัญญาสันติภาพเกิดขึ้นจริง ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมซัมมิตระหว่างอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ที่สิงคโปร์
ซึ่งในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ โจ ไบเดน กล่าวไปถึงความต้องการในเรื่องของ “การทูตอย่างยั่งยืน” เป็นหนทางสำหรับการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือและโครงการนิวเคลียร์และมิสไซล์ของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือออกมาปฎิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯก่อนการเจรจาซัมมิตและผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ IAEA (International Atomic Energy Agency)ออกมาเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่า โครงการอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่