ระบบต่อต้านขีปนาวุธของอเมริกาสกัดจรวด 5 ลูกที่ยิงใส่สนามบินคาบูลเมื่อเช้าวันจันทร์ (30 ส.ค.) ขณะที่อเมริกากำลังเร่งภารกิจอพยพระลอกสุดท้ายก่อนเส้นตายในวันอังคาร (31) ด้านตอลิบานประณามการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ ที่อ้างว่ามุ่งเล่นงานผู้ที่จะก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายอีก แต่กลับทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายไปหลายคน ขณะที่ปักกิ่งแนะให้วอชิงตันและนานาชาติติดต่อเกี่ยวข้องกับระบอบปกครองใหม่ของตอลิบานอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งช่วยตอลิบานต่อสู้กับลัทธิก่อการร้าย และหยุดยั้งความรุนแรง
หลังจากเริ่มต้นการปฏิบัติการตั้งแต่ 1 วันก่อนกรุงคาบูลแตกเมื่อวันที่ 15 ที่ผ่านมา การอพยพผู้คนทางอากาศจากสนามบินเมืองหลวงอัฟกานิสถาน สามารถนำเอาชาวต่างชาติ ตลอดจนชาวอัฟกันที่มีความเสี่ยงออกมาได้แล้วกว่า 122,000 คน โดยที่อเมริกาและพันธมิตรกำลังจะเสร็จสิ้นการปฏิบัติการนี้ภายในเส้นตายวันอังคารตามที่ตกลงไว้กับตอลิบาน
เจ้าหน้าที่อเมริกัน 2 คนเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ในวันจันทร์การปฏิบัติการอพยพยังคงดำเนินต่อไป โดยให้ความสำคัญกับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับต้นๆ ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ขณะนี้กองทหารอเมริกันจะเน้นการนำทหารและนักการทูตอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานอย่างปลอดภัย
จำนวนทหารอเมริกันในสนามบินคาบูลซึ่งตอนที่ขึ้นไปสูงสุดภายหลังตอลิบานยึดกรุงคาบูลได้แล้วนั้นอยู่ที่ราว 5,800 คน ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ลดลงเหลือไม่ถึง 4,000 นาย โดยความพยายามถอนกำลังยิ่งเร่งด่วนมากขึ้นหลังจากสมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายด้านนอกประตูทางเข้าสนามบินเมื่อวันพฤหัสฯ (26) สังหารพลเรือนอัฟกันกว่าร้อย และทหารอเมริกัน 13 นาย และข่าวกรองที่ตามมาหลังจากนั้นน่าเชื่อได้ว่า ไอเอสเตรียมโจมตีสนามบินคาบูลระลอกสอง
เมื่อวันจันทร์ สื่ออัฟกันรายงานว่า ระบบต่อต้านขีปนาวุธของอเมริกาสามารถสกัดจรวด 5 ลูกที่ยิงมาจากท้ายรถคันหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีจรวดอีกหลายลูกไปตกลงในจุดต่างๆ ของคาบูล
ช่างภาพของเอเอฟพีผู้หนึ่ง เมื่อวันจันทร์สามารถถ่ายภาพรถยนต์คันหนึ่งที่ถูกทำลายยับเยิน โดยตรงที่นั่งด้านหลังของรถยังสามารถมองเห็นระบบยิงจรวดได้อย่างชัดเจน รถคันนี้จอดอยู่หางจากสนามบินคาบูลราว 2 กิโลเมตร และสงสัยกันว่าถูกโดรนสหรัฐฯ โจมตี เจ้าหน้าที่ตอลิบานรายหนึ่งซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุกล่าวว่า เขาเชื่อว่ามีจรวดถูกยิงออกไป 5 ลูก
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งบอกว่า จากรายงานเบื้องต้น ไม่ได้มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่าทางฝ่ายสหรัฐฯ มีการบาดเจ็บล้มตายใดๆ จากการโจมตีใส่สนามบินด้วยจรวดระลอกล่าสุด
ทางด้านทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันคำสั่งเดิมให้ผู้บัญชาการทหารทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องทหารอเมริกันในสนามบินคาบูล หลังได้รับฟังสรุปสถานการณ์การโจมตี และยังได้รับรายงานว่า ปฏิบัติการในสนามบินยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันอาทิตย์ (29) พวกเจ้าหน้าที่เพนตากอนบอกว่า โดรนของอเมริกาได้เข้าโจมตีมือระเบิดฆ่าตัวตายของกลุ่มรัฐอิสลาม-โคราซาน หรือไอเอส-เค ในรถยนต์คันหนึ่งที่อยู่ห่างจากสนามบินราว 2 กิโลเมตร ซึ่งกำลังเตรียมโจมตีสนามบิน ทว่า ตอลิบานออกมาแถลงประณามการโจมตีนี้ และระบุว่ามีพลเรือนถูกสังหารไป 7 คน ด้านนิวยอร์กไทมส์อ้างอิงพวกสมาชิกของครอบครัวผู้เสียชีวิตซึ่งระบุว่า การโจมตีสังหารคนไป 10 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 7 คน ผู้ทำงานด้านความช่วยเหลือให้แก่มูลนิธิอเมริกันแห่งหนึ่ง 1 คน และผู้ทำงานรับเหมารับจ้างให้กองทหารสหรัฐฯ 1 คน
ขณะเดียวกัน กองบัญชาการทหารด้านกลางของสหรัฐฯ (US CENTCOM) เผยว่า กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่า มีพลเมืองอัฟกันหลายคนเสียชีวิตจากการโจมตีด้วยโดรนเมื่อวันอาทิตย์ และสำทับว่า มีการระเบิดรุนแรงจากรถที่ถูกโจมตี บ่งชี้ว่า ภายในรถคันดังกล่าวอาจมีวัตถุระเบิดจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ซึ่งอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายหากมือระเบิดโจมตีสำเร็จ
ส่วน ซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตอลิบาน ได้ประณามอเมริกาในเรื่องดังกล่าวโดยให้สัมภาษณ์สถานีซีจีทีวีของจีนว่า มีพลเรือนเสียชีวิตถึง 7 คน พร้อมแสดงความไม่พอใจที่อเมริกาไม่แจ้งให้ตอลิบานรู้ก่อนโจมตี และยังกล่าวหาว่า เป็นการกระทำผิดกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ มูจาฮิดได้ออกคำแถลงประณามการโจมตีด้วยโดรนของอเมริกาเมื่อวันเสาร์ (28) ในจังหวัดนันกาฮาร์ ทางตะวันออก ที่สังหารสมาชิกไอเอส 2 คน โดยระบุว่า มีผู้หญิง 2 คน และเด็กอีกคนถูกลูกหลงได้รับบาดเจ็บ
จีนแนะนานาชาติช่วยตอลิบานเพื่อสู้ก่อการร้าย
ในอีกด้านหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างหารือทางโทรศัพท์เมื่อวันอาทิตย์ว่า ประชาคมระหว่างประเทศควรติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กับคณะผู้ปกครองใหม่ของตอลิบาน และแนะนำรัฐบาลตอลิบานอย่างสร้างสรรค์
คำแถลงของกระทรวงบอกว่า หวัง เรียกร้องวอชิงตันควรร่วมงานกับประชาคมระหว่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและมนุษยธรรมแก่อัฟกานิสถาน รวมทั้งช่วยเหลือให้ระบอบปกครองใหม่บริหารประเทศได้อย่างราบรื่น รักษาเสถียรภาพสังคม และหยุดการอ่อนค่าของสกุลเงิน รวมทั้งป้องกันไม่ให้ค่าครองชีพพุ่งขึ้น
เขาสำทับว่า นอกจากเคารพอธิปไตยของอัฟกานิสถานแล้ว อเมริกายังต้องดำเนินมาตรการรูปธรรมเพื่อช่วยประเทศนี้ต่อสู้กับลัทธิก่อการร้ายและหยุดยั้งความรุนแรง แทนการใช้สองมาตรฐานในเรื่องการก่อการร้าย หรือต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่มเท่านั้น พร้อมย้ำว่า การเร่งถอนทหารของสหรัฐฯ อาจเป็นการเปิดทางให้กลุ่มก่อการร้ายสามารถรวมกลุ่มกันใหม่ และฟื้นคืนชีพแข็งแกร่งกว่าเดิม
ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ของทางการจีนระบุว่า การพูดจาทางโทรศัพท์นี้เป็นไปตามคำเชื้อเชิญของฝ่ายวอชิงตัน
ขณะที่ทางด้านเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า บลิงเคนและหวัง หารือกันเกี่ยวกับความสำคัญของประชาคมระหว่างประเทศในการทำให้ตอลิบานรักษาคำมั่นที่ให้ไว้เกี่ยวกับการยอมให้ชาวอัฟกันและต่างชาติเดินทางได้อย่างอิสระและปลอดภัย
ก่อนที่จะเกิดความโกลาหลอลหม่านช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ให้เหตุผลสำคัญประการหนึ่งสำหรับการถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานว่า จะทำให้เหล่าผู้นำทั้งทางการเมือง และทางการทหารของสหรัฐฯ มีเวลาและความมุ่งมั่นตั้งใจเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งทำให้สามารถนำเอาทรัพย์สินทางทหารบางอย่างของสหรัฐฯ มามุ่งโฟกัสที่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และรับมือการท้าทายที่แสดงออกมาโดยจีน ซึ่งคณะบริหารไบเดนประกาศออกมาแล้วว่า เรื่องรับมือกับจีนนี้ คือเรื่องซึ่งมีความสำคัญลำดับแรกๆ ในนโยบายการต่างประเทศของตน
ก่อนหน้านี้ หวัง เคยบอกกับ บลิงเคน ในการหารือกันทางโทรศัพท์ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมว่า การที่สหรัฐฯ รีบร้อนถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน มี “ผลกระทบในทางลบอย่างร้ายแรง” แต่ก็ให้คำมั่นที่จะทำงานกับวอชิงตันในการส่งเสริมเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน
อย่างไรก็ดี หวัง กล่าวว่า วอชิงตันไม่ควรวาดหวังความร่วมมือจากจีน ถ้าหากวอชิงตันยังกำลังพยายามที่จะ “ปิดล้อมแลปราบปรามจีน และทำอันตรายต่อสิทธิและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ถูกต้องชอบธรรมของจีน” สื่อทางการจีนรายงานเอาไว้เช่นนี้ในตอนเสนอข่าวการพูดจาทางโทรศัพท์ครั้งก่อน
สำหรับในการหารือครั้งล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์นี้ คำแถลงของฝ่ายจีนระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายยังได้หารือกันเรื่องสายสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอีกด้วย
หวัง กล่าวว่า การติดต่อสื่อสารกันระหว่างประเทศทั้งสองในช่วงหลังๆ มานี้ ทั้งในเรื่องอัฟกานิสถาน และเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ แสดงให้เห็นว่า การสนทนากันและการร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ดีกว่าการเผชิญหน้ากัน
“จีนจะพิจารณาว่าควรมีปฏิสัมพันธ์กับฝ่ายสหรัฐฯ อย่างไร โดยยึดโยงอยู่กับท่าทีของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน” คำแถลงของฝ่ายจีนอ้างอิงคำพูดของ หวัง
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)