สหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศป้องกันตนเองในกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เล็งเป้าหมายเล่นงานผู้ต้องสงสัยมือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งของกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) ในภูมิภาคโคราซาน หรือ ISIS-K ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสนามบินอย่างทันทีทันใด สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุในวันอาทิตย์ (29 ส.ค.)
อย่างไรก็ตาม พี่น้องของหนึ่งในผู้เสียชีวิตเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่ทำงานให้กับซีเอ็นเอ็นว่า มีสมาชิก 9 คนของครอบครัวหนึ่ง ในนั้นเป็นเด็ก 6 คน เสียชีวิตในเหตุโดรนโจมตี หลังจากกองบัญชาการสหรัฐฯ บอกก่อนหน้านี้อยู่ระหว่างประเมินความเป็นไปได้ที่จะมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
กองกำลังสหรัฐฯ กำลังเร่งมือเพื่อเสร็จสิ้นปฏิบัติการอพยพก่อนเส้นตายในวันอังคาร (31 ส.ค.) ภายใต้ภัยคุกคามความเป็นไปได้ที่พวกก่อการร้ายจะลงมือโจมตีรอบใหม่เล่นงานท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด การ์ไซ หลังจากก่อนหน้านี้ มือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้านนอกประตูสนามบินเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) คร่าชีวิตทหารสหรัฐฯ 13 นาย และมีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 170 คน
เหตุโดรนโจมตียานพาหนะคันหนึ่งในวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่กองกำลังสหรัฐฯ เล่นงานกลุ่มก่อการร้าย ISIS-K ภายในเวลา 3 วัน และเจ้าหน้าที่อเมริกายืนยันว่าจุดที่ดำเนินการโจมตีนั้นอยู่ในย่าน Khaje Bughra ของกรุงคาบูล
"วันนี้ทหารสหรัฐฯ ปฏิบัติโจมตีทางอากาศป้องกันตนเองด้วยอากาศยานไร้คนขับเล่นงานยานพาหนะคันหนึ่งในคาบูล กำจัดภัยคุกคามอย่างทันทีทันใดของพวก ISIS-K ที่มีต่อสนามบินนานาชาติฮาร์มิด การ์ไซ" โฆษกกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ (CENTCOM) ระบุ "เรามั่นใจว่าเราประสบความสำเร็จโจมตีโดนเป้าหมาย นัยสำคัญของระเบิดครั้งที่ 2 ที่ระเบิดตูมออกมาจากยานพาหนะ บ่งชี้ว่ามันมีวัตถุระเบิดจำนวนมากอยู่ในนั้น"
ตอลิบาน ซึ่งเวลานี้ควบคุมอัฟกานิสถาน ออกมาประณามเหตุโจมตีดังกล่าว โดยระบุว่าสหรัฐฯ ละเมิดอำนาจอธิปไตยของประเทศ "มันไม่ถูกต้องที่ปฏิบัติการบนแผ่นดินคนอื่นและสหรัฐฯ ควรแจ้งต่อตอลิบาน เมื่อใดก็ตามที่สหรัฐฯ ปฏิบัติการลักษณะดังกล่าว เราขอประณามพวกเขา" โฆษกตอลิบานกล่าว
ซีเอ็นเอ็นอ้างคำสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งระบุว่า ยานพาหนะที่เป็นเป้าหมายของปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในกรุงคาบูลของอเมริกาในวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) อยู่ติดกับอาคารหลังหนึ่ง และมีมือระเบิดฆ่าตัวตายรายหนึ่งอยู่ภายใน อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ารถดังกล่าวมีเจตนาใช้เป็นคาร์บอมบ์ หรือมือระเบิดฆ่าตัวตายใช้เป็นเพียงแค่เป็นพาหนะเท่านั้น "มันบรรทุก และพร้อมออกเดินทาง"
เจ้าหน้าที่เพนตากอนรายหนึ่งเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็น จากรายงานในเบื้องต้น เป้าหมายคือยานพาหนะคันหนึ่งซึ่งเชื่อว่ามีมือระเบิดฆ่าตัวตายหลายคน ภัยคุกคามครั้งนี้อาจอยู่ในรูปแบบคาร์บอมบ์หรือใครบางคนที่มาพร้อมกับเสื้อกั๊กระเบิดฆ่าตัวตาย
โฆษกกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ระบุว่ากองทัพอเมริกากำลังประเมินความเป็นไปได้ที่จะมีพลเรือนสูญเสียชีวิตในปฏิบัติการดังกล่าว "แม้เราไม่พบสิ่งบ่งชี้ในเวลานี้ และจะยังคงเฝ้าระวังต่อไปต่อความเป็นไปได้ของภัยคุกคามใดๆ ในอนาคต"
อย่างไรก็ตาม พวกเพื่อนบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์ในเหตุโดรนโจมตีคาบูล เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า มีหลายคนเสียชีวิต ในนั้นรวมถึงเด็กๆ "เพื่อนบ้านทุกคนพยายามเข้าช่วยและช่วยกันหาน้ำมาดับไฟ ผมเห็นมีผู้เสียชีวิต 5 หรือ 6 คน" เพื่อนบ้านรายหนึ่งบอกกับซีเอ็นเอ็น "พ่อของครอบครัวหนึ่ง และเด็กหนุ่มอีกคน และเด็กอีก 2 คน พวกเขาเสียชีวิต พวกเขาแหลกเป็นชิ้นๆ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน"
ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งที่ทำงานให้ซีเอ็นเอ็น ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุซึ่งเป็นเขตล้อมรั้ว และสัมภาษณ์ผู้เห็นการณ์ ซึ่งบอกว่า "จรวดตกใส่บริเวณดังกล่าวและมี 6 คนในนั้นเสียชีวิต มีรถยนต์คันหนึ่งอยู่ภายในด้วย" อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายหนึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายใน
ชายอีกคนเผยว่า เขาได้ยินเสียงจรวดและเข้าถึงจุดเกิดเหตุผ่านบ้านที่อยู่ติดกันหลังหนึ่ง "ตอนแรกเราช่วยเด็กคนหนึ่งอายุ 3-4 ขวบออกมา ไฟไหม้และควันปกคลุมทั่วพื้นที่ มีคนอยู่ในรถ 3 คนและมีคนอื่นๆ อีก 3 คนอยู่นอกรถ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ในนั้นรวมถึงเด็กๆถูกพาตัวไปยังโรงพยาบาล"
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันเสาร์ (28 ส.ค.) บรรดาผู้บัญชาการทหารเตือนว่าเหตุโจมตีก่อการร้ายเล่นงานสนามบินคาบูล "มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเกิดขึ้นใน 24-36 ชั่วโมง" และสถานทูตอเมริกาประจำกรุงคาบูล เตือนพลเมืองอเมริกันทุกคนให้ออกนอกพื้นที่สนามบินในทันที
ทำเนียบขาวเปิดเผยในตอนเช้าวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) ว่าระหว่าง 03.00 น.ของวันเสาร์ (28 ส.ค.) จนถึง 03.00 น.ของวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) สามารถอพยพผู้คนได้เพิ่มเติมอีก 2,900 คน โดยเหล่านี้ใช้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ 32 ลำ และเครื่องบินพันธมิตร 9 เที่ยวบิน
ภารกิจอพยพลดระดับลงอย่างชัดเจน มีคนถูกพาตัวออกมาน้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันของวันก่อนๆ ขณะเดียวกัน ไบเดน ได้เดินทางไปยังฐานทัพอากาศโดเวอร์ ในรัฐเดลาแวร์เมื่อวันอาทิตย์ (29 ส.ค.) เพื่อไว้อาลัยร่วมกับสมาชิกครอบครัวทหารสหรัฐฯ 13 นาย ที่เสียชีวิตในเหตุโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) ระหว่างที่ศพของทหารเหล่านั้นถูกพากลับสู่ผืนแผ่นดินสหรัฐฯ
ISIS-K อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีดังกล่าว แต่ไม่ได้ให้หลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างใดๆ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกนักรบกลุ่มนี้จะอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด
เมื่อวันเสาร์ (28 ส.ค.) กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดผยว่าเป้าหมายไอเอสระดับสูง 2 คนถูกสังหารและอีกคนได้รับบาดเจ็บ ในปฏิบัติการโดรนโจมตีในเมืองจาลาบัด จังหวัดนันกาฮาร์ ทางตะวันออกของอัฟกานิสถานในวันศุกร์ (27 ส.ค.) ซึ่งเป็นการแก้แค้นต่อเหตุโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.)
(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น)