สหรัฐฯ ส่งโดรนปฏิบัติการโจมตีถล่มสมาชิกรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน จากการเปิดเผยของกองทัพเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่สนามบินในกรุงคาบูล ปลิดชีพกำลังพลอเมริกา 13 ราย และสังหารพลเรือนอัฟกันไปหลายร้อยคน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศกร้าวเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) ว่าสหรัฐฯ จะไล่ล่าพวกที่อยู่เบื้องหลังโจมตีอยู่บริเวณประตูทางเข้าสนามบิน พร้อมเผยได้ออกคำสั่งถึงกระทรวงกลาโหมให้คิดหาแผนสำหรับโจมตีเล่นงานพวกผู้ก่อเหตุ
ในวันศุกร์ (27 ส.ค.) กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ เผยว่า ปฏิบัติการโดรนโจมตีเกิดขึ้นที่จังหวัดนันการ์ฮาร์ ทางตะวันอกอของกรุงคาบูล และมีชายแดนติดกับปากีสถาน อย่างไรก็ตาม กองบัญชาการสหรัฐฯ ไม่ได้ยืนยันว่าเป้าหมายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีสนามบินหรือไม่
"สิ่งบ่งชี้ต่างๆ ในเบื้องต้นบ่งชี้ว่าเราสามารถสังหารเป้าหมาย เรารู้ว่าไม่มีพลเมืองเสียชีวิต" กองทัพสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง
กลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State) ในภูมิภาคโคราซาน หรือที่เรียกว่า ISIS-K เครือข่ายนักรบที่เคยต่อสู้กับกองกำลังสหรัฐฯ ในซีเรียและอิรัก ออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) ซึ่งคร่าชีวิตรวมกว่า 180 ศพ ในนั้นรวมถึงชาวอัฟกานิสถานที่กำลังพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ เช่นเดียวกับกำลังพลอเมริกา 13 นาย และบาดเจ็บ 18 นาย ซึ่งถูกลำเลียงทางอากาศส่งไปยังเยอรมนี
มีทหารสหรัฐฯ ราว 5,000 นายอยู่ที่สนามบินคาบูล เพื่อช่วยอพยพชาวอเมริกัน ชาวอัฟกันที่มีความเสี่ยงสูงและชาวต่างชาติอื่นๆ ก่อนถึงเส้นตายของไบเดนในวันอังคาร (31 ส.ค.) ที่จะถอนกองกำลังสหรัฐฯ ทั้งหมดออกมา
เหตุโจมตีเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) ก่อความสูญเสียแก่ทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถานเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 และเป็นตัวแทนถึงเหตุการณ์นองเลือดที่กำลังพลของอเมริกาต้องเผชิญมานานกว่า 1 ทศวรรษ
ไบเดน ประกาศที่ทำเนียบขาวว่า ความพยายามอพยพจะไม่หยุดลงสืบเนื่องจากเหตุโจมตี และเขาสั่งให้บรรดาผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ คิดแผนโจมตีเล่นงานทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้างและพวกผู้นำของ ISIS-K "เราจะไม่ให้อภัย เราจะไม่ลืม เราจะไล่ลาพวกแกและพวกแกต้องชดใช้"
ผู้นำสหรัฐฯ พยายามกลั้นน้ำตาและน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก ตอนที่เขาพูดถึงฮีโร่ทหารที่ต้องมาเสียชีวิต นอกจากนี้แล้ว ไบเดนยังสั่งให้ทำเนียบขาวและอาคารราชการทั่วประเทศลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัย
ไบเดน ปกป้องแนวทางรับมือกับวิกฤตนโยบายการต่างประเทศครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยยอมรับว่าแม้ท้ายที่สุดแล้วมันคือความรับผิดชอบของเขา แต่ก็กล่าวโทษต้นตอบางส่วนไปยังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อข้อตกลงที่ ทรัมป์ เจรจาจนบรรลุกับตอลิบาน เมื่อปี 2020
(ที่มา : รอยเตอร์)