เครื่องบินทหารเที่ยวสุดท้ายของสหราชอาณาจักรเดินทางออกจากรุงคาบูลในช่วงค่ำวันเสาร์ (28 ส.ค.) หลังดำเนินการอพยพมากกว่า 15,000 คนในช่วง 2 สัปดาห์นับตั้งแต่ตอลิบานเข้าควบคุมอัฟกานิสถาน ยุติภารกิจยาวนานเกือบ 20 ปี ที่ทหารสหราชอาณาจักรถูกส่งเข้าประจำการในประเทศแห่งนี้
"เที่ยวบินสุดท้ายที่บรรทุกบุคลากรกองทัพสหราชอาณาจักรเดินทางออกจากคาบูลแล้ว" กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ระบุ
ก่อนหน้านี้สหราชอาณาจักรเปิดเผยในวันศุกร์ (27 ส.ค.) ว่าภารกิจอพยพจะยุติในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า และจากนั้นทหารจะไม่สามารถพาพลเมืองชาวอัฟกันที่มีสิทธิไปตั้งรกรากใหม่ แต่ยังไม่ได้เข้าสู่สนามบินคาบูล บินออกนอกประเทศได้
"เราควรภูมิใจในกองทัพของเรา ยินดีต้อนรับผู้คนที่มาเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น และเสียใจกับคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง" เบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุ หลังเที่ยวบินสุดท้ายของสหราชอาณาจักรบินออกมาจากสนามบินคาบูล
สหราชอาณาจักรยืนหยัดเคียงข้างวอชิงตันตั้งแต่ช่วงต้นที่สหรัฐฯ ยกพลรุกรานอัฟกานิสถานเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เพื่อโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน ณ ขณะนั้้น ลงโทษกรณีที่ให้แหล่งกบดานแก่พวกนักรบอัลกออิดะห์ที่อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ทั้งนี้ มีทหาารสหราชอาณาจักรสังเวยชีวิตมากกว่า 450 นาย ระหว่างช่วง 2 ทศวรรษที่ประจำการในประเทศแห่งนี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กำหนดเส้นตาย 31 สิงหาคม สำหรับถอนทหารอเมริกาออกจากอัฟกานิสถาน ขณะที่กองกำลังพันธมิตรทั้งหลาย ในนั้นรวมถึงสหราชอาณาจักร เลือกถอนกำลังออกมาก่อน นอกจากนี้แล้วทางสหราชอาณาจักรยังได้ระงับปฏิบัติการของสถานทูตในอัฟกานิสถานด้วย
วอลเลซ คาดหมายในวันศุกร์ (27 ส.ค.) ว่ามีชาวอัฟกันที่เคยร่วมงานกับสหราชอาณาจักรและมีสิทธิสำหรับตั้งรกรากใหม่ ราวๆ 800 ถึง 1,000 คน ที่ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินบินออกมาได้ แต่ให้สัญญาจะช่วยเหลือพวกเขาหากว่าคนเหล่านี้อพยพออกมาทางภาคพื้น
ส่วน พล.อ.นิค คาร์เตอร์ ผู้บัญชาการทหารของสหราชอาณาจักร ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีในวันเสาร์ (28 ส.ค.) ว่าจำนวนชาวอัฟกันที่เคยร่วมงานกับสหราชอาณาจักรและมีสิทธิสำหรับตั้งรกรากใหม่ที่ไม่สามารถขึ้นเครื่องบินบินออกมาได้น่าจะมีจำนวนหลายร้อยคน
“เราจะยุติการอพยพพลเรือนในวันนี้ และจำเป็นจะต้องนำกองทหารของเราออกไปด้วยเครื่องบินที่เหลืออยู่ เราไม่สามารถพาทุกคนออกมาได้ และนั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และเป็นการตัดสินที่ยากลำบากอย่างมาก” เขากล่าว
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน กล่าวยกย่องกองทัพสหราชอาณาจักร ระบุว่า "ผมอยากขอบคุณทุกคนที่เกี่ยวข้องและหลายพันคนที่ปฏิบัติหน้าที่มาตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา คุณควรภาคภูมิใจในสิ่งที่คุณบรรลุเป้าหมาย" เขากล่าว
คาร์เตอร์ระบุว่า สหราชอาณาจักรและพันธมิตรอาจร่วมมือกับตอลิบานในอนาคต สำหรับจัดการภัยคุกคามจากกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งเป็นศัตรูของทั้งตะวันตกและตอลิบาน ขณะที่นักรบกลุ่มนี้ออกมาอ้างความรับผิดชอบเหตุมือระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีด้านนอกสนามบินคาบูลเมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก ในนั้นรวมถึงทหารสหรัฐฯ 13 นาย
"หากตอลิบานพิสูจน์ว่าพวกเขาสามารถประพฤติตัวในแนวทางที่รัฐบาลปกติทั่วไปหนึ่งๆ ประพฤติกันในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามก่อการร้าย เราอาจรู้สึกว่าเราสามารถร่วมงานกันได้" คาร์เตอร์ให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์ "เราต้องรอดูก่อน แต่แน่นอนว่าบางเรื่องราวที่เรารับทราบเกี่ยวกับแนวทางที่พวกเขาปฏิบัติกับศัตรู หมายความว่ามันคงจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะร่วมทำงานกับพวกเขาในเวลานี้"
จอห์นสัน ได้หารือสถานการณ์ในอัฟกานิสถานกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีในวันเสาร์ (28 ส.ค.) และทั้งสองผู้นำเห็นพ้องว่าทางกลุ่มจี 7 ควรใช้แนวทางร่วมกันสำหรับรับมือกับรัฐบาลใดๆ ของตอลิบานในอนาคต
(ที่มา : รอยเตอร์)