ชาวอัฟกันหลายคนที่อยู่ในอาการขวัญผวา และต้องการหลบหนีการกลับเข้ามามีอำนาจของตอลิบาน ถึงขนาดพยายามเกาะเครื่องบินอเมริกันลำหนึ่งเอาไว้ ขณะที่นกเหล็กลำนี้เตรียมตัวจะทยานขึ้นจากสนามบินกรุงคาบูลเมื่อวันจันทร์ (16 ส.ค.) ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นๆ ซึ่งก็ดิ้นรนมองหาเที่ยวบินออกไปนอกประเทศ
กองทหารสหรัฐฯ ต้องยินปืนขึ้นฟ้าเป็นการตักเตือน แต่แล้วในที่สุดเที่ยวบินพาณิชย์ทุกๆ เที่ยวก็ถูกระงับไป ขณะที่ความโกลาหลอลหม่านเข้าครอบงำบริเวณลานบิน
จากคลิปวิดีโอระทึกใจที่มีโพสต์ทางสื่อสังคม แสดงให้เห็นผู้ชายจำนวนเป็นร้อยๆ วิ่งตีคู่เครื่องบินกองทัพอากาศสหรัฐฯ ลำหนึ่ง ขณะที่นกเหล็กลำนี้ทิ้งตัวเองลงบนรันเวย์ โดยที่มีบางคนพยายามเกาะเหนี่ยวกับด้านข้างของเครื่องบิน
ในคลิปวิดีโอคลิปอื่นๆ พลเรือนหลายคนพยายามปีนป่ายขึ้นบันไดเครื่องบินด้วยอาการลนลานตื่นกลัว ถึงแม้บนบันไดก็มีคนอยู่กันแออัดยัดเยียดอยู่แล้ว
บริเวณลานบินด้านล่าง มีฝูงชนเฝ้ารอดูอยู่ ขณะพวกที่ปีนบันไดขึ้นไปสำเร็จพยายามช่วยคนอื่นๆ ให้ขึ้นไปด้วย เวลาเดียวกันยังมีบางคนอาศัยมือของตัวเองจับขั้นบันไดเอาไว้โดยที่ตัวห้อยอยู่
หลายๆ ครอบครัวที่สมาชิกต่างอยู่ในอาการหวั่นผวา แล้วยังต้องดูแลเด็กๆ ซึ่งตระหนกตกใจ พร้อมๆ กับหอบหิ้กระเป๋าสัมภาระ
“อยู่ตรงนี้ผมรู้สึกกลัวมาก พวกเขา (ทหารอเมริกัน) ยืนปืนขึ้นฟ้ากันเยอะมาก” ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งเล่า โดยขอไม่ให้เอ่ยชื่อ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นตัดโอกาสของเขาที่จะได้ออกนอกประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า กองทหารอเมริกันได้เข้ารักษาความปลอดภัยบริเวณภายในสนามบินแล้ว ขณะดำเนินการอพยพเจ้าหน้าที่และลูกจ้างของสถานทูต รวมทั้งชาวอัฟกันหลายพันคนซึ่งทำงานให้วอชิงตัน นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ โค่นล้มตอลิบานลงจากอำนาจ ภายหลังเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในคาบุล ทวิตบอกให้บุคคลสัญชาติอเมริกันและชาวอัฟกัน “อย่าเดินทางไปที่สนามบิน” ในเวลานี้
แต่ยังคงมีชาวอัฟกันเป็นพันๆ คนเพิ่มมากขึ้น –แม้ว่าบางคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เลยก็ตามที— ไปที่นั่นด้วยความหวังว่าจะได้เดินทางออกนอกประเทศ โดยที่ไม่มีทั้งตั๋วเครื่องบินหรือวีซ่าเข้าประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง
ความโกลาหลวุ่นวายที่สนามบินคราวนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพวกผู้นำตอลิบานสั่งเหล่านักรบของพวกตนซึ่งเข้ากรุงคาบูลให้รักษาระเบียบวินัย ขณะที่ประธานาธิบดีอัชรัฟ กานี ของอัฟกานิสถาน หลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว
“พวกเรากลัวกันมากที่จะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อไป เรากำลังพยายามหนีออกจากคาบูล” หนุ่มวัย 25 ปี ซึ่งขอร้องให้ระบุชื่อเขาเพียงว่า อาเหม็ด กล่าว
คนจำนวนมากมาถึงที่สนามบินเนื่องจากข่าวลือต่างๆ ที่แพร่กระจายไปในสื่อสังคม
“ผมอ่านจากเฟซบุ๊ก เขาบอกว่าแคนาดากำลังเปิดรับผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน” อาเหม็ด บอก
“ผมนะเคยเป็นทหารในกองทัพ ... มันอันตราย ตอลิบานต้องตามเล่นงานผมแน่เลย”
สหรัฐฯ แถลงว่าได้อพยพเจ้าหน้าที่สถานทูตทั้งหมดของตนออกมาอยู่ที่สนามบินแล้ว แต่คนเหล่านี้ถูกเก็บตัวเอาไว้แยกต่างหากจากพวกที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปกับพวกเขา
คลิปวิดีโออื่นๆ ซึ่งโพสต์กันทางโซเชียมีเดีย ยังแสดงให้เห็นฉากน่าอนาถในช่วงกลางคืนที่มีคนต่อสู้กันเพื่อเบียดแทรกเข้าไปยังบริเวณด้านหลังของเครื่องบินขนส่งลำหนึ่ง
ถัดออกมาบริเวณด้านนอกของสนามบิน ความเงียบสงบแต่ชวนให้รู้สึกไม่สบายใจปกคลุมอยู่เหนือคาบูล ขณะที่พวกนักรบตอลิบานติดอาวุธออกลาดตระเวนไปตามถนนหนทาง รวมทั้งจัดตั้งจุดตรวจขึ้นมา
ในข้อความที่โพสต์ทางสื่อสังคม อับดุล กานี บาราดาร์ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มตอลิบาน เรียกร้องพวกนักรบของเขาให้รักษาระเบียบวินัยเอาไว้ หลังจากเข้าควบคุมเมืองหลวงได้แล้ว
“เวลานี้เป็นเวลาที่จะทดสอบและพิสูจน์ เวลานี้พวกเราต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเราสามารถรับใช้ประเทศชาติของพวกเรา และสามารถรับประกันความมั่นคงปลอดภัยและการใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ” เขากล่าว
ฉากเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินคาบูล ชวนให้ย้อนนึกไปถึงความสับสนวุ่นวายที่เคยเกิดขึ้นในไซ่ง่อน เมืองหลวงของเวียดนามใต้ ขณะที่กองทัพเวียดนามเหนือบุกตะลุยเข้าไปเมื่อปี 1975 และอเมริกันต้องถอยหนีออกมาอย่างทุลักทุเลน่าอับอาย ถึงแม้วอชิงตันพยายามปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้
“นี่ไม่ใช่ไซ่ง่อน” รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน ของสหรัฐฯ บอกในรายการสัมภาษณ์ทางทีวีอเมริกันเมื่อวันอาทิตย์ (15)
(ที่มา : เอเอฟพี, เอเจนซีส์)