พวกนักรบตอลิบานยึดมาซาร์ อี ซาริฟ เมืองหลักทางเหนือของอัฟกานิสถานในวันเสาร์ (14 ส.ค.) ส่งผลให้กองกำลังอัฟกานิสถานต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุน ขยับเข้าใกล้กรุงคาบูลทุกขณะ กระตุ้นให้บรรดาชาติตะวันตกทั้งหลายเร่งอพยพพลเมืองของตนเองออกจากเมืองหลวง
พัฒนาการในครั้งนี้ถือเป็นการบุกยึดครั้งสำคัญหนล่าสุดของพวกนักรบหัวรุนแรง ซึ่งจู่โจมรุกคืบทั่วประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการถอนกำลังของทหารต่างชาติที่นำโดยสหรัฐฯ ส่งผลให้เวลานี้กรุงคาบูล และจาลาลาบัด ทางภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน เป็นเพียงแค่ 2 เมืองใหญ่ที่ยังไม่ได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของตอลิบาน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ระบุในวันเสาร์ (14 ส.ค.) ว่า กำลังส่งทหาร 5,000 นาย เข้าอพยพพลเมืองและเพื่อรับประกันว่าการถอนบุคลากรทางทหารของอเมริกาจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย
อาราฟ ฮาดิด ประธานสภาจังหวัดแบลค์ เปิดเผยว่า กองกำลังความมั่นคงจากเมืองมาซาร์ อี ชาริฟ กำลังหลบหนีมุ่งหน้าสู่ชายแดนอุซเบกิสถาน และเมืองแห่งนี้ดูเหมือนจะตกอยู่ในเงื้อมมือตอลิบานโดยปราศจากการสู้รบใดๆ แม้ยังคงมีเหตุปะทะกันประปรายบริเวณใกล้เคียง
อัตตา โมฮัมหมัด นูร์ นักการเมืองอาวุโสของอัฟกานิสถานเขียนบนเฟซบุ๊กว่า จังหวัดแบลค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองมาซาร์ อี ชาริฟ ตกไปอยู่ภายใต้การควบคุมของตอลิบาน สืบเนื่องจากการสมคบคิด
นูร์ ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแบลค์ ระบุว่า พวกตอลิบานกำลังหาทางจับกุมตัวเขาและจอมพลอับดุล ราชิด ดอสทุม อีกหนึ่งผู้นำนักรบฝักใฝ่รัฐบาล อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถหลบหนีได้พร้อมกับเจ้าหน้าที่จังหวัดคนอื่นๆ และไม่เปิดเผยว่าเวลานี้พวกเขาหลบซ่อนอยู่ที่ไหน
"เคราะห์ร้าย ผลของกาารสมคบคิดครั้งใหญ่ อย่างเป็นระบบและขี้ขลาดตาขาว ทุกอาคารของรัฐบาลและกองกำลังรัฐบาลถูกส่งมอบให้แก่ตอลิบาน" นูร์เขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมระบุว่า "พวกเขาต้องการจับกุมจอมพลอับดุล ราชิด ดอสทุม เพื่อนของผมและตัวผม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ"
ประชาชนชาวอัฟกานิสถานจำนวนมากพากันหลบหนีมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง จากความวิตกต่อสถานการณ์การสู้รบและหวาดผวาว่าเมืองที่พวกเขาพำนักอยู่นั้นจะหวนคืนสู่การปกครองแบบอิสลามสุดโต่ง ในขณะที่กองกำลังรัฐบาลดูท่าจะต้านทานไม่ไหวแล้ว
ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ได้พูดคุยกับบรรดาผู้นำท้องถิ่นและพันธมิตรนานาชาติ แต่ไม่มีสัญญาณว่าเขาจะตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของตอลิบาน ที่ขอให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ในเงื่อนไขสำหรับการหยุดยิงใดๆ
ตอลิบาน เผชิญการต่อต้านแค่เล็กๆ น้อยๆ ตอนที่เข้าควบคุมเมืองปุล-อี-อาลัม เมืองเอกของจังหวัดโลการ์ ห่างจากกรุงคาบูลไปทางใต้แค่ 70 กิโลเมตร จากคำกล่าวอ้างของสมาชิกสภาจังหวัดท้องถิ่นรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม อย่างไรก็ตาม ตำรวจปกิเสธรายงานข่าวที่ว่าตอลิบานรุกคืบจากปุล-อี-อาลัม ประชิดกรุงคาบูลแล้ว และกำลังจัดตั้งฐานที่มั่นสำหรับเตรียมลงมือจู่โจมเมืองหลวง
เจ้าหน้าที่อัฟกานิสถานยืนยันเมื่อวันศุกร์ (13 ส.ค.) ว่ากันดาฮาร์ เมืองใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ของอัฟกานิสถาน และเป็นแหล่งถือกำเนิดของตอลิบาน ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกนักรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่กองกำลังต่างชาติที่นำโดยสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการถอนทัพ หลังจากยกพลบุกอัฟกานิสถานเมื่อ 20 ปีก่อน ตามหลังโศกนาฏกรรมโจมตีสหรัฐฯ วันที่ 11 กันยายน 2001
ก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า นาวิกโยธิน จำนวน 2 กองพัน และทหารราบอีก 1 กองพัน รวมกำลังพลราว 3,000 นาย จะเดินทางไปถึงคาบูลภายในเย็นวันอาทิตย์ (15 ส.ค.) เพื่อช่วยอพยพเจ้าหน้าที่ประจำสถานทูต และพลเรือนออกจากเมืองหลวงอัฟกานิสถาน เพียง 1 วัน หลังจากที่กลุ่มตอลิบานสามารถบุกยึดเมืองใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของประเทศได้สำเร็จ
ส่วนสาธารณรัฐเช็ก เผยว่า กำลังอพยพผู้แทนทูต 2 คนออกมาในวันเสาร์ (14 ส.ค.) และเยอรมนีระบุว่าจะส่งทหารเข้าไปอพยพผู้แทนทูตออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
มีผู้ยื่นขอวีซ่าตามสถานทูตต่างๆ มากมายหลายหมื่นคน และวอชิงตันกำลังร้องขอให้ประเทศต่างๆ ให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ชาวอัฟกัน ที่เคยทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันเสาร์ (14 ส.ค.) ตอลิบานอ้างว่าการรุกคืบของพวกเขา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นที่นิยมและเป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน และกำลังหาทางรับประกันความปลอดภัยให้ทั้งชาวอัฟกานิสถานและชาวต่างชาติ
"เป็นอีกครั้งที่ Islamic Emirate (ตอลิบาน) ขอรับประกันกับพลเมืองทุกคนว่าพวกเราจะปกป้องชีวิต ทรัพย์สินและเกียรติภูมิของพวกเขาดังเช่นที่เป็นมาเสมอ สร้างสิ่งแวดล้อมแห่งสันติภาพและความมั่นคงสำหรับประเทศอันเป็นที่รักของเรา อย่าได้กังวลกับชีวิตของตนเองเลย" ถ้อยแถลงของตอลิบานระบุ พร้อมระบุว่า บรรดาผู้แทนทูตและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ก็จะไม่เผชิญกับปัญหาใดๆ เช่นกัน
(ที่มา : รอยเตอร์)